“ภูมิธรรม” สอนมวย “เด็กก้าวไกล” อย่ารีบด่วนสรุปออกหมายจับปิดปากสื่อ ลั่นตร.ออกหมายจับพ่นสีกำแพงวัดพระแก้วก่อนรบ.นี้ ยันจนท.มีหลักฐานชัดร่วมสนับสนุน ซัดอย่าหมกมุ่น-จินตนาการรัฐทำอย่างนั้นอย่างนี้ งงเมื่อวานให้เคร่งครัดใช้กม.คุมเข้ม แต่วันนี้บอกใช้อำนาจคุกคาม
เมื่อวันที่ 15 ก.พ.67 เวลา 11.45 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพานรองประธานสภาฯคนที่สอง เป็นประธานการประชุม ทั้งนี้ที่ประชุมได้พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของน.ส.ภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เกี่ยวกับกรณีการจับกุมผู้สื่อข่าวประชาไท และช่างภาพของเพจสเปรซ บาร์ (Space Bar) ถามนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แต่นายกฯได้มอบหมายให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ เป็นผู้ตอบกระทู้แทน
โดย น.ส.ภคมน กล่าวว่า การออกหมายจับผู้สื่อข่าวประชาไท และช่างภาพของเพจสเปรซ บาร์ ข้อหาร่วมสนับสนุนกับผู้กระทำความผิดทางอาญา พ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว ถือเป็นการข้ามขั้นตอน ส่งหมายจับโดยไม่ส่งหมายเรียกมาก่อน เข้าใจว่าเป็นเรื่องของรัฐบาลที่แล้ว แต่การข้ามขั้นตอนแบบนี้ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลนี้ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร และจะมีแนวทางในการแก้ปัญหาในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร โดยเฉพาะกับคดีฟ้องปิดปากแบบนี้ เพราะหากตอบไม่ได้ก็จะเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือ ความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมทั้งระบบ ต้องตั้งคำถามว่านี่คือการส่งสัญญาณเตือนสื่อมวลชน เพื่อสร้างความหวาดกลัวต่อการทำหน้าที่หรือไม่ ตำรวจควรให้ความเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน และไม่ควรสร้างข้อจำกัดให้เกิดความหวาดวิตกในการเสนอข่าวต่อสาธารณะ
นายภูมิธรรม ชี้แจงว่า ขณะนี้กระบวบการยุติธรรมกำลังทำงาน อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่ารัฐบาลปิดปาก ลองดูกระบวนการยุติธรรมก่อน หากชัดเจนแล้วว่าไม่มีหลักฐานอะไรแล้วคุกคาม ตนคิดว่ารัฐบาลนี้ก็ไม่ปล่อยให้สิทธิเสรีภาพของประชาชนถูกคุกคาม หากด่วนสรุปไปตนคิดว่าทุกวันนี้อะไรที่ใช้กฎหมายในการทำงานต้องคำนึงถึงหัวใจของพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงต้องคำนึงถึงหัวใจของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานต่างๆ ซึ่งอาจจะมีผิดบ้าง ถูกบ้าง ก็ว่ากันไปเป็นรายๆ อย่าเหมารวมว่าเป็นระบบ สิ่งที่ตนอยากยืนยันคือในโซเชียลมีเดียคือนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทุกท่านต่างก็เคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ มากกว่านั้นคือการถูกใส่ร้ายป้ายสี ถูกเฟคนิวส์ โดยบางครั้งเป็นไปในลักษณะของการคุกคาม แต่รัฐบาลไม่เคยมอบหมายใครให้ไปฟ้องคนเหล่านั้น
“ผมเชื่อมั่นในเสรีภาพในการพูด และมั่นใจว่าความหลากหลายของเนื้อหาเหล่านี้ท้ายที่สุดจะถูกคัดกรองด้วยตัวของมันเองจากวุฒิภาวะของสังคม และจากประชาชนที่มีจิตใจเที่ยงธรรมที่จะได้มองว่ากระบวนการที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร เป็นความผิดแบบไหน ใครควรที่จะรับผิดชอบ กรณีสื่อมวลชน 2 ราย รัฐบาลเสียใจที่เรื่องนี้เกิดขึ้น แต่หมายจับออกมาตั้งแต่เดือนพ.ค.66 ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา ดังนั้นกระบวนการจับกุมไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่รัฐบาลเข้าไปก้าวก่าย ท่านควรดูอย่างรอบค้าน ทำใจให้เป็นธรรม ท่านคงไม่สบายใจที่จะให้รัฐบาลไปล้วงลูกทุกคดีที่เกิดขึ้น ปล่อยให้กระบวนการทำไปแล้วถ้ามีปัญหาก็ค่อยแก้ไข วันนี้สื่อมวลชนทั้ง2คนได้รับการประกันตัว ขอให้รอดูว่าถูกหรือผิด ถูกกลั่นแกล้งหรือไม่ แล้วค่อยมาดูว่าจะแก้ไขปัญหาร่วมกัน”นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ถามจริงๆท่านสบายใจหรือที่หัวหน้า หรืออดีตหัวหน้าของท่านไปสัมพันธ์กับผู้ก่อคดีคุกคามขบวนเสด็จอยู่ โบราณว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี อยู่ๆเรื่องนี้มาโทษรัฐบาล ตนว่าฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบอย่างมีเหตุผล แทนที่จะไปพูดถึงบุคคลที่ได้ดำเนินการถูกผิดแล้วเข้าสู่กระบวนการอย่างเคร่งครัด ท่านเรียกร้องให้เคร่งครัด เวลานี้กระบวนการยุติธรรมก็เคร่งครัด เมื่อวานนี้ท่านกำลังเรียกร้องให้เคร่งครัดอยู่ดีๆ วันนี้ท่านก็มาบอกว่ารัฐบาลกำลังใช้อำนาจคุกคาม ท่านคงไม่สบายใจหากมีใครมากล่าวหาท่านว่าอยู่เบื้องหลังต่างๆ
“ผมขอให้ท่านใจเย็นๆอยากให้ช่วยคิด ช่วยดู ทุกอย่างว่าตามเหตุผล กระบวนการกฎหมายทั้งกรณีพ่นสีกำแพงวัดพระแก้ว บีบแตรขบวนเสด็จ กำลังดำเนินการ แต่พยายามทำอย่างนุ่มนวล จนหลายคนบอกว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ทำงานอย่างเคร่งครัด อยากให้ดูให้ครบถ้วน อย่าเพิ่งด่วนสรุป สร้างวาทกรรม ยืนยันรัฐบาลคุ้มครองสิทธิเสรีภาพทุกคน อย่ากังวล อย่าหมกมุ่น อย่าจินตนาการว่ารัฐบาลใหม่เข้ามาทำแบบนั้นแบบนี้ เรายึดตามรัฐธรรมนูญที่ให้สิทธิเสรีภาพและคุ้มครองสื่อมวลชน และรัฐบาลส่งเสริมให้สื่อตรวจสอบกันเอง ผมไม่อยากให้เอาเรื่องในอดีตมาปลุกปั่นเป็นประเด็นในขณะนี้ ถ้าถึงที่สุดหลักฐานไม่เพียงพอค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์ แต่เขายืนยันว่ามีหลักฐานครบถ้วน จึงขอให้กระบวนการดำเนินการไปก่อน”นายภูมิธรรม กล่าว