“ชาดา” กวักมือเรียกลูกหนี้ให้รีบมาขึ้นทะเบียนก่อน 29 ก.พ.หลังนั่งที่ปรึกษาแก้หนี้ เชื่อยอด 1 แสนกว่ารายยังไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง ลั่นไม่ต้องกลัว-เกรงใจใคร ยันให้โอกาสแล้วใช้ให้เป็นประโยชน์ ด้าน “กิตติรัตน์” ชี้ช่องถ้าเจ้าหนี้ไม่มาตกลงให้ลูกหนี้หยุดจ่ายทันที
เมื่อวันที่ 15 ก.พ.67 เวลา 15.30 น.ที่รัฐสภา นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ในฐานะรองประธาน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ให้สัมภาษณ์ว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้ความไว้วางใจในการร่วมกันแก้หนี้ทั้งในและนอกระบบ ซึ่งนายกฯ อยากจะให้ควบคู่กันทั้ง 2 อย่าง เพราะว่าหนี้นอกระบบกับในระบบมันเกี่ยวเนื่องกัน อย่างไรก็ตามตนคิดว่าตอนนี้ยอดผู้ลงทะเบียนหนี้นอกระบบ 1 แสนกว่ารายยังไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง ตนอยากฝากสื่อมวลชนว่าขอให้ช่วยประกาศว่าผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบไม่ต้องกลัวอะไร และไม่ต้องเกรงใจใคร แม้แต่เจ้าหนี้ก็อย่าไปห้ามลูกหนี้ไม่ให้มาขึ้นบัญชี เพราะถือว่าเราดูแลทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้ ให้เป็นไปด้วยความยุติธรรม ไม่ใช่จะไม่ให้เขาใช้หนี้ แต่ทุกอย่างตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องความยุติ และความเป็นธรรมที่เราให้ทั้ง 2 ฝ่าย
“ฝากถึงประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบว่าก่อนที่จะถึงวันที่ 29 ก.พ.นี้ ขอให้มาแจ้งที่จังหวัดหรือลงทะเบียนในเว็บไซต์ แอพพลิเคชันที่มีอยู่ หรือศูนย์ดำรงธรรมทั้งในระดับอำเภอและจังหวัด ท่านไม่ต้องกลัวอะไร ท่านไม่ต้องกลัวเจ้าหนี้ ส่วนเจ้าหนี้ก็ไม่ต้องกลัวหนี้สูญ เราทำทุกอย่างด้วยความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย เราต้องการแก้ปัญหา จึงฝากสื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์ เพราะปัญหาหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบเป็นปัญหาของคนไทยจำนวนมาก เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในระดับกลาง และระดับล่าง รัฐบาลโดยการนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ต้องการแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้ยุติ และมีทางเดินในอนาคตที่เป็นธรรมกับทุกฝ่าย ขอให้ลูกหนี้กล้าหาญที่จะมาแจ้ง ไม่ต้องกลัวอะไร เราไม่ได้ไปสร้างความยุ่งยาก กฎหมายให้โอกาสแล้ว ทางเราให้โอกาสแล้ว ก็ขอให้ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์กับท่าน เพราะเราต้องการมาแก้ปัญหา”นายชาดากล่าว
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการกำกับและแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคประชาชนรายย่อย กล่าวเพิ่มเติมว่า มีลูกหนี้จำนวน 1 แสนกว่ารายที่มาลงทะเบียนแล้ว แต่เชื่อว่ามีจำนวนมากกว่านั้นอีกมาก ลูกหนี้เหล่านี้ตั้งคำถามว่าเขามาลงทะเบียน แต่เจ้าหนี้ไม่มาลงทะเบียนแล้วจะให้เดินอย่างไรต่อ ตนเรียนในหลักกฎหมายว่าหนี้นอกระบบคือเรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ดอกเบี้ยที่เรียกถือเป็นโมฆะทั้งหมดตั้งแต่บาทแรก ไม่ใช่ตั้งแต่อัตราที่เกิน ดังนั้นถ้าเกิดเจ้าหนี้ไม่มาตกลง ขอให้ลูกหนี้หยุดจ่ายทันที เพราะสิ่งที่ท่านจะต้องจ่ายนั้นมันคือเงินต้นที่ต้องจ่ายคืน อย่างไรก็ตามนายชาดาพูดชัดเจนว่าเป็นลูกหนี้ต้องใช้หนี้ ถ้าจ่ายคืนเงินต้นไม่ครบก็ควรต้องจ่ายให้ครบ ส่วนเจ้าหนี้ที่กลัวว่าลูกหนี้จะไม่ยอมจ่ายคืนเงินต้นท่านก็มีสิทธิ์ได้รับการคุ้มครอง แต่ท่านไม่มีสิทธิ์เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
“ในกรณีที่มีคนตั้งคำถามว่าการที่ดอกเบี้ยจ่ายไปแล้วมากมายท่วมเงินต้นไปแล้ว บางคนเป็นหลายเท่า ในหลักการถือว่าหมดหนี้แล้ว ดังนั้นจะมาตกลงทำความเข้าใจกัน จะได้ไม่ต้องเป็นปัญหาในเชิงข้อกฎหมาย ในส่วนของเจ้าหนี้บางคนที่ปล่อยกู้หลายๆ ราย สิ่งที่ท่านทำถ้าหากไม่เข้ามาหารือกัน ท่านก็จะมีความเสี่ยงในการทำผิดกฎหมายอย่างร้ายแรง เพราะว่ามันเป็นขบวนการในการปล่อยกู้เกินกว่ากฎหมายกำหนด”นายกิตติรัตน์กล่าว
