“โรม” ท้า “ชาดา” เปิดข้อมูลมาเลยใครหนุนทุนม็อบออกมาเคลื่อนไหวป่วนการเมือง ย้อนแสบอยากรู้ทำบัญชีมาเฟียในจ.อุทัยฯใครทรงอิทธิพล จ่อเรียก “มท.3” แจง 29 ก.พ.นี้
วันที่ 16 ก.พ.2567 เวลา13.50น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ระบุพร้อมเปิดเผยบัญชีข้อมูลผู้ช่วยสส.ของพรรคก้าวไกล ที่สนับสนุนเงินทุนให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองว่า เปิดเลย ตอนที่นายชาดาเดินมาหาตนในห้องประชุมสภาฯเมื่อวันที่14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงหน่อย แล้วบอกว่าตนไม่แฟร์อะไรก็ตาม แต่พวกเราสส.พรรคก้าวไกล ก็ถามร่วมกันว่าให้เปิดเลย เพราะอยากรู้เหมือนกัน ที่ผ่านมามันอยู่กับข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยจินตนาการเอาเอง สะกดจิตตัวเองทุกวัน เราเองอยากทราบ อยากดูเหมือนกันว่ารมช.มหาดไทย ที่ทำบัญชีผู้มีอิทธิพลเราอยากรู้ว่ามีใครบ้างที่เป็นผู้มีอิทธิพล ในเมื่อมีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องก็เปิดมาเลย จะได้ใช้กลไกทางกฎหมายแก้ไขปัญหา
“ผมอยากรู้ว่าบัญชีผู้มีอิทธิพล สุดท้ายแล้วมีรายละเอียดอย่างไร ผมอยากรู้ว่าที่อุทัยธานี ใครเป็นผู้มีอิทธิพล ชื่อขึ้นต้น ช. หรือไม่ หรือไม่มีชื่อนี้ ผมก็อยากทราบ เราอยู่บนข้อเท็จจริงดีกว่า อย่ามาใช้วิธีการบอกว่าผมมีข้อมูลนั้นนี้ท่านเป็นรัฐมนตรีแล้วนะ ท่านอาจจะลืมตัวไป ท่านต้องใจเย็นๆ ต้องตอบคำถามสังคมในสิ่งที่จะถาม ผมเป็นนักการเมือง มีหน้าที่ตรวจสอบ ผมก็สิทธิ์ถาม ท่านก็มีสิทธิ์ตอบ เราอยู่ร่วมกันแบบนี้ได้ แล้วถ้าหากเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่ผิดกฎหมาย ท่านก็มีสิทธิ์ดำเนินคดีทางกฎหมาย การที่ไม่เปิดข้อมูลเผลอๆจะผิดด้วยซ้ำไป” นายรังสิมันต กล่าว
เมื่อถามว่า นายชาดาระบุว่าจะเปิดในระบบ ทางคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทยยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาฯ จะเรียกมาให้ข้อมูลหรือไม่ นายรังสิมันต์ ในฐานะประธานกมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐฯ กล่าวว่า ตนยินดีหากนายชาดา จะมาเปิดเผยข้อมูลในกมธ.ฯ เราจะได้หาทางออกร่วมกัน ซึ่งตนจะเชิญนายชาดา มาให้ข้อมูลต่อกมธ.ฯ คาดว่าในวันที่29ก.พ.นี้ ส่วนนายชาดาจะเปิดข้อมูลในวันดังกล่าวแน่หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ อยู่ที่นายชาดา ตนไม่สามารถตอบแทนนายชาดาได้ แต่ต้องไม่ลืมว่านายชาดา เป็นรมช.มหาดไทย ท่านอาจจะใช้อารมณ์มากไปหน่อย จริงๆน่าจะใช้เวทีสภาฯนำเสนอแนวทางการปรับปรุงมาตรการอารักขาขบวนเสด็จฯให้ปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากผู้เสนอญัตติในวันนั้น ยังไม่ชัดเจนว่าจะต้องปรับมาตรการอย่างไร มีเพียงแต่สะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้น
