“จตุพร” ประเมินการเมืองเดือนมีนา เชื่อสถานการณ์เบี้ยวกับไม่เบี้ยวดีลก้ำกึ่ง ชี้อำนาจนำวางกับดักถี่ยิบแน่นหนา หวั่น“ทักษิณ” ไม่ทำตามสัญญาให้กลับบ้าน คาดถ้ากล้าเบี้ยวดีลก็เจอล้างบางการเมืองแน่นอน
เมื่อวันที่ 25 ก.พ.67 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า การเมืองในเดือนมี.ค.นี้ น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะจังหวะเล่นเกมแต่ละระดับ สะท้อนถึงการวางกับดักแน่นหนาเพื่อมุ่งหมายเล่นงานฝ่ายทักษิณ ชินวัตร ถ้ากล้าเบี้ยวดีล ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ ไปบ้านจันทร์ส่องหล้า ยังสื่อนัยยะการออกแบบทางการเมืองแปลกๆ ชอบกลอยู่
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีนายเศรษฐาขับรถประจำตำแหน่งนายกฯคันใหม่ป้ายแดง ก่อนเลี้ยวเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าได้โผล่หน้าให้สื่อมวลชนเห็น และเมื่อกลับยังให้สัมภาษณ์หน้าประตูบ้านอย่างเป็นการเป็นงาน แสดงถึงมีการออกแบบและเตรียมสิ่งต้องพึงกระทำมาแล้ว อีกทั้งนายเศรษฐาเป็นถึงนายกฯ ไม่จำเป็นต้องสัมภาษณ์สื่อหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเลย นอกจากนี้ยังรายงานด้วยว่า ทักษิณห่วงใยการทำงานของตัวเองด้วย พร้อมกับแนะนำนายกฯ ถ้าทำงานเหนื่อยก็พักบ้าง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องประหลาด และสื่ออาการถึงการเมืองอย่างมีนัยยะ
“ที่น่าสนใจคือ การปรากฎตัวของนายกฯที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่ออะไร เพราะการดีลครั้งนี้มีการการันตีจากสองคนเป็นหลัก โดยมีหนึ่งผู้เล่น (นายกฯ) ดังนั้นต้องดูเดือนมี.ค.จะได้เห็นอะไรหรือไม่ และเป็นเดือนที่น่าสนใจทางการเมืองอย่างมาก”นายจตุพรกล่าวและว่า ความน่าสนใจทางการเมืองในเดือนมี.ค. เริ่มตั้งแต่ 4 มี.ค. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะเลื่อนอ่านคำพิพากษาน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ คดีฮั้วสื่อจัดโรดโชว์ สร้างอนาคตไทย 240 ล้านบาทหรือไม่ นอกจากนี้ ยังต้องรอดูว่าการออกกฎหมายเงินกู้ 5 แสนล้านบาท มาแจกโครงการดิจิทัลวอลเล็ตคนละหมื่นบาท จะเข้า ครม.หรือไม่ ซึ่งถ้าเข้าจะผ่านหรือไม่ และหากไม่ผ่านจะเป็นทางลงจากตำแหน่งนายกฯของนายเศรษฐาหรือไม่
นายจตุพร ประเมินด้วยว่า ที่สำคัญนายกฯ จะอยู่ถึงวันที่ 25 มี.ค. ซึ่ง สว.จะเปิดอภิปรายทั่วไปหรือไม่ แต่ถ้าสถานการณ์ประกอบกันว่า กฎหมายกู้เงินไม่ผ่าน ครม. และนายกฯยังเผชิญหน้ากับการอภิปรายฯของ สว.อีก นั่นเท่ากับสถานการณ์ของนายเศรษฐา เป็นนายกฯ หวังอยู่เกินวันที่ 25 มี.ค. ซึ่งสถานการณ์จะแปรไปอีกระดับหนึ่ง จึงน่าติดตาม และยังต้องไปพิจารณาสถานการณ์วันที่ 10 เม.ย. โดยอัยการสูงสุดนัดฟังคำสั่งจะฟ้องนายทักษิณ คดี ม.112 หรือไม่ มาประกอบกันด้วย ดังนั้น สถานการณ์เริ่มทั้งเดือนมี.ค. จะเป็นตาข่ายวางกับดักไว้แน่นหนา เพื่อป้องกันการ “เบี้ยวดีล” แต่ตนอยากให้มีการเบี้ยวดีลมาก เพราะจะได้เห็นข้อตกลงที่ซ่อนไว้อยู่ลึกๆ คืออะไรกันแน่
“ต้องอดทนอีกนิด รอให้ถึงเดือนหน้า (มี.ค.) จะได้เห็นอะไรเกิดขึ้น ถ้าไม่เป็นไปตามดีล คือดีลถูกเบี้ยว ขบวนการล้างบางจะเกิดขึ้นตามมาทันที แล้วท้ายสุด คนก็เต็มถนนเหมือนเดิมหนีไม่ออก ส่วนปลายทางจะแอ่นแอ๊นหรือเปล่าต้องคอยดูกันอีกครั้ง”นายจตุพรกล่าว
นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าดีลถูกเบี้ยว จะไม่เกิดเกมเล่นยาวแน่นอน เพราะยิ่งยาว ย่อมเข้าทางพรรคก้าวไกล โดยการเลือก สว.ชุดใหม่ คาดว่าก้าวไกลจะได้เปรียบ ดังนั้นคนการันตีดีล จะประมาทในเกม สว.ไม่ได้ เมื่อก้าวไกลคุม สว.ก็เท่ากับคุมองค์กรอิสระตามไปด้วย แล้วจะลามไปยึดการเลือกตั้ง อบต.
“รัฐธรรมนูญ 2560 เท่ากับออกแบบให้ก้าวไกลยึดหมดในทางการเมือง โดยมีตัวอย่างการเลือกตั้งผู้แทนประกันสังคมที่ถูกก้าวไกลยึดไปหมดแล้ว ดังนั้น ดีลกลับบ้านของทักษิณ หวังจะมาต่อสู้ไม่ให้ก้าวไกลเติบโตอย่างยิ่งใหญ่ แต่ขณะนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า ทักษิณทำอะไรไม่ได้ แค่ตัวเองยังจะเอาไม่รอดเลย นับวันเข้า ยิ่งนานวันไป ก้าวไกลยิ่งเติบโต ยากที่จะหยุดได้เสียแล้ว”นายจตุพร กล่าว