“ปกรณ์วุฒิ” บอกเป็นสส.ต้องเจอกันที่สภาฯ ถามกลับ “บิ๊กป้อม” นี่หรือคือความสง่าม วอน “ปธ.สภาฯ” เร่งสางปมออกระเบียบ “ห้องหลังบัลลังก์” ย้ำไม่ควรมีใครมีสิทธิพิเศษ-ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล แฉยังไม่ย้ายออก
เมื่อวันที่ 5 มี.ค.67 เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่าหาก สส.พรรคก้าวไกลอยากพบ ก็ให้มาหาที่บ้าน ว่า ตนเป็น สส. ที่ทำงานอยู่ที่สภาฯ ไม่อยากไปหาใครที่บ้าน และหากมองย้อนกลับไป พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ‘ลงสมัคร สส. เพื่อความสง่างาม’ ดังนั้นตนจึงขอถามกลับว่า นี่หรือคือความสง่างาม ส่วนการที่พล.อ.ประวิตร ระบุว่า “ไม่มาสภาแล้วผิดตรงไหน” ทุกอย่างเป็นคำตอบในตัวเองอยู่แล้ว ประชาชนคงพิจารณาได้ ว่าวิธีคิดของพล.อ.ประวิตรเป็นอย่างไร ตนยืนยันว่า เป็น สส.ด้วยกัน ก็อยากเจอที่สภาฯ ไม่อยากเจอที่อื่น
เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบหรือไม่ว่า เป็นการขาดประชุมสภาฯ ถูกต้องตามขั้นตอน นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาคนที่ 1 อยากทำข้อมูล เพื่อเปิดเผยข้อมูลการเข้าทำงานของ สส. ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพราะการเซ็นชื่อในเอกสาร ต้องใช้เวลาขอข้อมูล ซึ่งหากทำสำเร็จ ก็จะเห็นได้ทันทีว่า สส.คนใดขาดประชุมกี่ครั้ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ส่วนการลาประชุมก็สามารถทำได้ เพราะบางคนอาจมีอาการเจ็บป่วยติดต่อกันนาน ก็ไม่สิ้นสภาพ สส. แต่หากขาดประชุมโดยไม่แจ้ง ก็มีข้อบังคับจำกัดอยู่ว่า สามารถขาดประชุมได้กี่ครั้ง จึงจะสิ้นสภาพ สส. โดยอัตโนมัติ
เมื่อถามว่า มองการตอบโต้ของพล.อ.ประวิตรครั้งนี้อย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ไม่ได้มองอะไร และไม่คิดว่าจะต้องตอบโต้อะไรด้วยซ้ำ เพราะคำพูดของพล.อ.ประวิตร ก็โต้ในตัวเองอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงกรณีความคืบหน้าปัญหาเรื่องห้องหลังบัลลังก์ที่ถูกพรรคพลังประชารัฐไม่ยอมย้ายออกนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า นายปดิพัทธ์ยืนยันแล้วว่า พรรคพลังประชารัฐไม่สามารถยึดไว้ได้ ถือเป็นการใช้ทรัพย์สินของราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต หากประธานสภาฯมีความเด็ดขาด และออกระเบียบชัดเจน เขาก็ต้องย้าย หรือขนของออกไป ซึ่งตอนก็ยังไม่ย้ายออก ทั้งนี้ทางพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้แจ้งว่า ห้องดังกล่าวมีไว้สำหรับพล.อ.ประวิตร แต่ตนแค่ตั้งข้อสันนิษฐาน เพราะพบว่ามีการกั้นห้อง และมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่เพียงโต๊ะเดียว ก็นึกไม่ออกว่าจะให้ใครได้อีก ส่วนเรื่องกรอบเวลาในการเคลียร์ปัญหาเรื่องนี้ ตนคงไม่มีอำนาจไปกำหนด แต่ก็ขอเรียกร้องไปยังประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ อีก 2 คน และเข้าใจว่าคงจะมีการประชุมร่วมกัน
“เพื่อความสง่างามของสภาฯ ผมว่าไม่ควรมีใครที่มีสิทธิพิเศษ หรือทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล อยู่ๆ ก็ประกาศยึดห้อง ประธานสภาฯ ไม่ควรปล่อยให้เป็นแบบนี้” นายปกรณ์วุฒิ กล่าวทิ้งท้าย