“หมอพลเดช” แฉทีมงานก.เกษตรฯตบทรัพย์บ.เอกชน เรียกเงินล้านแลกถอนอายัด เผยเจอ จ่าย จบ ไม่จ่ายเป็นเจ็บ ชาวบ้านเรียกชุด “สัมภเวสี” ด้าน “ธรรมนัส” สวนเป็นเครือญาติสว. ชี้ปชช.ร้องยางพาราส่งกลิ่นเหม็น ลั่น ‘ชุดพญานาคราช’ ไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน ซัดอย่ากล่าวคลุมเคลือ ท้าเปิดหน้าใครบังอาจเรียกรับผลประโยชน์ อย่ามากล่าวหาปรักปรำไม่มีรายละเอียด
เมื่อวันที่ 25 มี.ค.67 ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา ที่มีพล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปของสว.เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงแนวทางปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่ลงมติตามมาตรา 153
ต่อมาเวลา 12.25 น. นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สว. อภิปรายว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อายัดยางของชาวบ้านที่อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี กรมวิชาการเกษตรเซ็นคำสั่งดำเนินคดีหจก.ธิติพงษ์ การยาง เนื่องจากไม่สามารถแสดงเอกสารที่มาของยางก้อน จำนวน 29 ตัน ถูกเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตร ในนาม ‘ฉก.พญานาคราช’ อายัดสินค้ายางก้อน รวม 600 ตันเศษ สงสัย 29 ตัน แต่อายัด 600 ตัน มูลค่า 15 ล้านบาทเศษ หนึ่งเดือนผ่านไปไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะชาวบ้านยืนยันได้ว่า ไม่ผิดกฎหมาย แต่ทำเพิกเฉยไม่ยอมแจ้งยกเลิกอายัด จนยางก้อนเกิดความเสียหาย
“ผู้ประกอบการติดตามทวงถาม ประสานไปรองอธิบดีที่เซ็นคำสั่ง เชื่อหรือไม่คำตอบที่ได้ คือให้ไปเคลียร์กับที่ปรึกษารัฐมนตรี ซึ่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีคนใดก็ไม่มีใครบอก จะใช่รัฐมนตรีที่วุ่นวายกับที่ดิน ส.ป.ก. อุทยานเขาใหญ่หรือไม่ ไม่ทราบ รัฐมนตรีคงมีเรื่องยุ่งมาก ไหนจะส.ป.ก. ไหนจะหมูเถื่อน จึงแต่งตั้งทีมงานเฉพาะกิจ ซึ่งเข้าใจได้ แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็เกิดจากชุดเฉพาะที่ท่านเป็นผู้แต่งตั้ง นอกจากนี้ ยังมีทีมงานอีกชุดหนึ่งประกบตามมา ทีมนี้มีคำขวัญว่า ‘เจอ จ่าย จบ’ ไม่จ่ายเป็นเจ็บ ชาวบ้านเรียกทีมงานชุดนี้ว่า ‘ชุดสัมภเวสี’ เรียกผู้ประกอบการไปคุย เรียกรับกล้วย 1 กิโลเป็นเครื่องเส้น เพื่ออำนวยความสะดวกในการถอนอายัด แม้เจ้าทุกข์จะเจรจาขอลดเหลือ 7 ขีดก็ไม่ยอม เพราะหยิ่งในศักดิ์ศรี” นพ.พลเดช กล่าว
นพ.พลเดช กล่าวอีกว่า มีกลุ่มอิทธิพลจากอ่าวลึก จ.กระบี่ แจ้งความซ้ำอีก โทษฐานนำเข้ายางจากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต นี่คือสัญญาณลากยาว บีบคั่น กลั่นแกล้ง ล่าอาณานิคมตีเมืองขึ้น มีโจรนั่งธรรมาส นั่งปราชญ์ต้องพนมกรณ์ เมื่อเป็นเช่นนี้ชาวบ้านทำมาหากินสุจริตจะทำงานแบบใด ตั้งแต่ชุดเฉพาะกิจพญานาคราชเข้ามาทำงานในสังขละบุรี วิถีชีวิตประชาชนเปลี่ยนไปได้รับผลกระทบมากที่สุด
นพ.พลเดช กล่าวต่อว่า เมื่อช่วงต้นปี ม.ค.67 เริ่มมาตรการใหม่ ผู้ประกอบการร้องโอดครวญ จ่ายค่าผ่านทางเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 บาท และแยกพิเศษอีก 1,000 บาท เพื่อให้ ‘เสธ.คนหนึ่ง’ อย่างไรก็ตาม มีคนนินทาว่าขณะนี้คนใกล้ชิดนักการเมืองไปตั้งโรงงานอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรับซื้อน้ำยางนำผลิตยางแผ่น ถามว่ารัฐมนตรีรับทราบบ้างหรือไม่ ยิ่งกว่านั้น มีความจงใจตั้งด่านที่ หจก.ธิติพงษ์ และบอกว่าไม่จ่ายก็ทำธุรกิจไม่ได้ ถ้าเอาเรื่องไปฟ้องก็อย่าหวังจะอยู่ในพื้นที่ได้ ดังนั้น ตนขอไปยังนายกฯ รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง หัวหน้าพรรค ขอจงขจัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนและประเทศด้วยเทอญ เพราะที่นี่คือยางพารา ไม่ใช่แป้ง
จากนั้นเวลา 12.40 น. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า ทุกคำพูดที่นพ.พลเดชพูด โดยเฉพาะคำพูดสุดท้าย ทำให้ตนรู้สึกไม่ดี นพ.พลเดชเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เป็นถึงนายแพทย์ แต่ทิ้งทายด้วยถ้อยคำที่ทิ่มตำตน ตนไม่อาจย้อนกลับไปในอดีตได้ แต่เลือกที่จะทำเพื่อบ้านเมืองได้ ท่านบอกว่าประชาชนในสังขละบุรี ถามว่าประชาชนตรงไหน เพราะประชาชนร้องว่ายางพาราส่งกลิ่นเหม็นกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทราบว่าผู้ประกอบการที่มาร้องคือเครือญาติของพวกท่าน ท่านบอกว่ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย ‘ชุดพญานาคราช’ มีการเรียกรับผลประโยชน์ ท่านเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ อีกไม่กี่วันก็จะเกษียณแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้ช่วยชี้แจงว่าเป็นบุคคลใด ที่ตนแต่งตั้งเป็นผู้ปราบปรามสินค้าเถื่อนแล้วเรียกรับผลประโยชน์ ขออย่ากล่าวหาแบบคลุมเครือไม่ชัดเจน เมื่อกล้าเปิดหน้าแล้ว ต้องพูดให้สุดว่า ‘มันผู้นั้นคือใคร ที่บังอาจเรียกรับผลประโยชน์’
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวด้วยว่า กรณีที่ตนลงพื้นที่ไปตรวจสอบ เพราะได้รับร้องเรียนว่ามีกลุ่มพ่อค้าหัวใสไปปลูกยางในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะค่าแรงถูกต้นทุนการผลิตต่ำ และลักลอบนำมาขายในประเทศไทย สินค้าบางล็อคถูกส่งต่อไปยังประเทศมาเลเซีย สร้างความเสียหายให้กับประเทศไทย ยืนยันรัฐบาลจริงจังในการแก้ไขปัญหายางพารา ส่งผลให้น้ำยางสดราคาพุ่งสูงถึงกว่ากิโลกรัมละ 90 บาท ยางรมควันเกือบ 3 หลัก ยืนยันไม่มีบัญชีนาย บัญชีลูกน้อง
รมว.เกษตรฯ กล่าวต่อว่า แน่นอนว่าการทำงานย่อมกระทบกับผู้เสียผลประโยชน์ซึ่งไม่ใช่ประชาชน แต่เป็นกลุ่มนายทุนและพ่อค้าหัวใส ที่ทำมาหากินบนความยากลำบากของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ และหลังจากนี้ตนจะไปสืบหาว่าบริษัทที่ได้รับผลประโยชน์เป็นบริษัทเครือญาติของใคร และจะแถลงข้อเท็จจริงให้ประชาชนได้รับทราบ และประชาชนจะตัดสินใจเองว่าการบริหารราชการแผ่นดินของตนในฐานะรมว.เกษตรฯ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายตอบโจทย์พี่น้องประชาชนอย่างไร
“ชุดพญานครราชทำงานโดยไม่มีผลประโยชน์ตอบแทน ไม่มีเบี้ยเลี้ยง ไม่ใช่ทำงานเฉพาะสายการเมือง มีทั้งอัยการสูงสุด ปปง.ฝ่ายความมั่นคง เจ้าหน้าที่จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิอีกหลายท่าน การมาปรักปรำกล่าวหาโดยไม่มีรายละเอียด ผมมองว่าไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ที่ตั้งไจทำงานให้กับชาติบ้านเมือง” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว