“3 สส.ก้าวไกล” ร้อนแจงนับองค์ประชุม “กาสิโน” อ้างรายงานไม่สมบูรณ์ ไม่ฟังเสียงทักท้วง แปลกใจรบ.โกรธพาลดึงประเด็นซักฟอกม.152 เล่นเกมการเมือง “ชุติพงศ์” ดักคออย่าเจ้าคิดเจ้าแค้น เอาประโยชน์ประชาชนเป็นตัวตั้ง ด้าน “ปกรณ์วุฒิ” ถามจะโกรธอะไรนักหนาเป็นอาวุธฝ่ายค้านมีเรื่องเดียว หวัง “ประธาน” ไม่บ้าจี้ตามไปด้วย ชี้ อ่านเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ฝั่งรัฐบาลแย่งเวลาตรวจสอบเอาไปอภิปรายเอง
วันที่ 29 มี.ค. 2567 เวลา 09.00 น.ที่รัฐสภา พรรคก้าวไกล นำโดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง ร่วมกันแถลงข่าวเกี่ยวกับการขอนับองค์ประชุมในการพิจารณารายงานผลการศึกษาเรื่องการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เมื่อวันที่ (28 มี.ค.) จนเกิดการถกเถียงกันระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล
โดยนายชุติพงศ์ กล่าวว่า จริงๆพรรคก้าวไกลตั้งใจจะให้รายงานฉบับนี้ผ่านไปโดยสมบูรณ์แบบที่สุด และการอภิปรายของ สส.หลายท่านทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน มีหลากหลาย และไม่สมบูรณ์หลายจุดมาก รวมถึงการแถลงของประธานกรรมาธิการเองก็มีข้อติดขัดหลายเรื่อง เหมือนยอมรับว่ามีความไม่สมบูรณ์อย่างไรบ้าง จึงอยากให้ถอนออกไปก่อน แต่เมื่อประธานกรรมาธิการยืนยันจะให้เดินหน้าต่อ โดยไม่สนใจข้อทักท้วงของฝ่ายค้าน และขอนับองค์ประชุมก็ไม่ได้ยกมือ รับรองญัตติ เพราะอยากให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้จนถึงที่สุดจริงๆ ขอชื่นชมรัฐบาลที่มีองค์ประชุมครบถึง 250 เสียงในเวลานั้นแล้วจริงๆก็ควรเป็นหน้าที่ปกติที่สส.รัฐบาลก็ควรจะทำให้ได้ ส่วนสัปดาห์หน้าจะพิจารณาญัตติขออภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ตนก็ได้ดูเรื่องทิศทางการสื่อสารของเพื่อนสมาชิกในโซเชียลมีเดียหลังจากมีการปิดประชุมไป
นายชุติพงศ์ กล่าวต่อว่า ฝ่ายค้านยอมรับว่าที่ผ่านมาการทำงานร่วมกันกับฝ่ายรัฐบาลด้วยดี และเคารพการทำงานด้วยกันตลอด ไม่อยากให้ไปถึงขั้นลงมติ แต่มีการยกเรื่องตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาช้างป่า ขึ้นมา ตนว่าไม่เป็นธรรม เพราะตนก็ถูกเบี้ยวกระทู้จากครม. มาโดยตลอด แต่เท่าที่ทราบมติวิปรัฐบาลจะเสนอญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาช้างป่า และไม่ได้มีแค่ตนที่เสนอญัตตินี้ในการตั้งกรรมาธิการ ซึ่งหนึ่งในผู้เสนอญัตติเพื่อตั้งกรรมาธิการวิสามัญฯมี 3 พรรคคือ เพื่อไทย ภูมิใจไทย และตน ที่เข้าไปทำงานร่วมกันแล้วก็ไม่อยากให้ยกประเด็นการเจรจาต่างๆที่มีการพูดคุยเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน มาเป็นเงื่อนไขในการจะทำงานร่วมกัน เชื่อว่าทางพรรคภูมิใจไทยและพรรคการเมือง เวลาเจราจาหรือทำงาน เราต่างยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นตัวตั้ง
“ขออย่าเป็นเกมเจ้าคิดเจ้าแค้น เราไม่ได้นับองค์ประชุมบ่อยหรอกครับ และทุกครั้งที่ทำ เรามีเหตุผลความเป็นธรรม และเพื่อประโยชน์อันสูงสุดของประชาชน” นายชุติพงศ์ กล่าว
ด้านนายรังสิมันต์ กล่าวว่า ในรายงานฉบับนี้ไม่ได้มีการพูดถึงหรือเนื้อหา ในการแก้ไขปัญหาเรื่องการพนันผิดกฎหมาย แต่เป็นการศึกษาที่มุ่งเน้นในด้านเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว พรรคเห็นด้วยกับการมีเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ แต่สิ่งที่จะต้องทำคือจะต้องมีผลการศึกษาในการแก้ปัญหาพนันที่ผิดกฎหมาย และในเรื่องธุรกิจยังมีข้อกังวลหลายเรื่องยังขาดการศึกษา และเหตุผลสำคัญที่ทำให้รายงานไม่ครบถ้วน เชื่อว่ารายงานฉบับนี้ขาดความสมบูรณ์ จึงได้มีการทักท้วงให้ถอนรายงานกลับไปปรับปรุงให้ดีขึ้น และวันนี้เราเผชิญกับด้านการพนันออนไลน์ มีบ่อนตามจังหวัดต่างๆ ดังนั้นคิดว่าการตั้งเอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์จะนำไปสู่การแก้ปัญหาการพนันออนไลน์ จะนำไปสู่การแก้ปัญหาเรื่องบ่อนตามหัวเมืองต่างๆ ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ บ่อนตามที่ต่างๆยังเชื่อว่ายังไงก็ยังมี
เมื่อถามว่าฝ่ายรัฐบาลจะขอเวลาคืนในการอภิปรายทั่วไปรัฐบาลแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า พูดคุยเรื่องมติอย่างเป็นทางการของทั้งสองฝ่าย ตนยังเก็บไฟล์เป็นหลักฐานไว้ จะได้รู้ว่าเราเคยตกลงกันว่าอย่างไร ซึ่งมติของเวลาอภิปรายก็เคยตกลงไว้แล้วว่าเอาอย่างไร การที่เอาเรื่องไม่เป็นทางการแล้วมาหักเรื่องที่เป็นทางการ อาจจะดูไม่สมเหตุสมผลนัก การขอลงมติไม่เห็นด้วยกับร่างรายงานกรรมาธิการเมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) เป็นเหตุผลในด้านเนื้อหา ผมถามหน่อยครับว่าการที่เราไม่เห็นด้วยกับรายงานฉบับใดฉบับหนึ่ง จะต้องนำไปสู่การขอเวลาคืนอภิปรายมาตรา 152 ผมเข้าใจดีว่าเมื่อวานก็มีอารมณ์ขุ่นมัว ขุ่นเคืองกัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะโกรธอะไรขนาดนั้นหนักหนา”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวต่อว่า ทุกคนมีวุฒิภาวะมากพอ เมื่ออารมณ์เย็นลงก็คงไม่เอามาแก้แค้นกัน และใช้เวทีของฝ่ายค้านในการตรวจสอบที่ใหญ่ที่สุดรองจากอภิปรายไม่ไว้วางใจ เอามาเป็นประเด็นในเรื่องนี้ อาจจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่ฝั่งรัฐบาลขอเวลาอภิปรายครึ่งหนึ่งของที่ญัตติที่ฝ่ายค้านตรวจสอบรัฐบาล เอามาอภิปรายเอง แม้กระทั่งรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจาก คสช. ยังไม่ทำเลย เราก็หวังว่าท่านประธานจะไม่บ้าจี้ไปเล่นด้วย เพราะเราก็มีข้อตกลงกันไปเรียบร้อยแล้ว”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
“ผมแปลกใจมากที่การจอนับองค์ประชุมเป็นเรื่องปกติมาก ถือเป็นอาวุธไม่กี่อย่างที่ฝ่ายค้านจะทำได้ ผมก็เชื่อว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ใช้อาวุธนับองค์ประชุมน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ผมก็ไม่เข้าใจว่าเป็นอะไรกันนักกันหนา หรือเรื่องที่ตั้งข้อสังเกตมีมูลจริงๆ อย่าทำแบบนี้เลย สุดท้ายแล้วมันจะสื่อได้ว่ารัฐบาลนี้มีการตรวจสอบรัฐบาลที่แล้วเสียอีก”นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า ถ้ารัฐบาลทำจริงจะทำอย่างไร นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนคงทำอะไรไม่ได้ ซึ่งถ้าเป็นจริงแสดงว่าไม่ใช่เฉพาะวิปรัฐบาลเท่านั้น แต่ฝ่ายคณะรัฐมนตรีก็เห็นด้วย ดังนั้น ตนจึงขอฝากไปถึงครม.ว่าจะหนีกันง่ายๆแบบนี้ใช่หรือไม่