“ประธานรัฐสภา” บอกเดินตามแนวรัฐบาล ชงทำประชามติ 3 รอบก่อนแก้รธน. เป็นหนทางปลอดภัย แม้เสียเวลา-งบประมาณ ชี้ 2 รอบหวั่นขัดคำวินิจฉัยศาลฯถูกตีตก แย้มถกร่างแก้ไขฯสมัยวิสามัญได้ แนะหากเสนอใหม่ สาระ-สถานการณ์จะเปลี่ยน
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.67 เวลา 09.15 น. ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา กล่าวถึงการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่า ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญล่าสุดที่ไม่รับคำร้องที่สมาชิกรัฐสภาลงมติเสียงข้างมากให้ตนส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นปัญหาที่ไม่เคยเกิดขึ้น และเป็นเพียงข้อสงสัยในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ที่ศาลรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจน และส่งไทม์ไลน์เวลาการดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประชาชนและรัฐสภาประกอบคำวินิจฉัย อย่างชัดเจนว่าหากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญทังฉบับ รัฐสภาสามารถแก้ไขได้แต่ต้องทำประชามติก่อน
“หากจะแก้ทั้งฉบับต้องทำประชามติก่อนว่าประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ หรือจะแก้ มาตรา 256 ที่มีบทกำหนด อาทิเกี่ยวกับอำนาจศาล องค์กรอิสระ หรือบางข้อต้องนำไปทำประชามติก่อน ดังนั้นต้องปฏิบัติตาม” ประธานรัฐสภา กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวด้วยว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ปลอดภัย เป็นไปตามที่นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ระบุไว้ชัดเจนว่ารัฐบาลต้องดำเนินการ ทำประชามติก่อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องถามประชาชน 3 รอบ ที่จะปลอดภัย แต่เสียเวลาและงบประมาณ แต่หากทำ2รอบ อาจจะขัดแย้งกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่
“เมื่อชัดเจนแล้ว อย่าทำอะไรตามคิดเอง เพราะมีกรอบคำวิจิจฉัยและรัฐธรรมนูญกำหนด และศาลรัฐธรรมนูญให้ไทม์ไลน์ เส้นทางแก้รัฐธรรมนูญต้องทำอะไรก่อนหลัง หากทำโดยไม่ตรงกับคำวินิจฉัย จะเสียเวลา ศาลรัฐธรรมนูญจะตีตก หากมีเวลาทำให้ดีที่สุด เพราะประชาชน อยากให้แก้ไข และเป็นนโยบายของรัฐบาลและพรรคการเมือง แต่ทำให้ถูกต้อง อาจจะไม่พอใจแต่ต้องเลือกเส้นทางที่เดินไปได้ หากไม่ทำประชามติก่อน แล้วมีคนส่งไปตีความอีกจะเสียเวลา” ประธานรัฐสภา กล่าว
เมื่อถามถึงข้อเสนอให้ทบทวนการบรรจุวาระแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ที่พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเสนอต่อรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ต้องมีคนเสนอร่างแก้ไขฯเข้ามา หากเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องทำประชามติต้องทำประชามติก่อน แต่หากมีเนื้อหาที่ไม่ต้องทำประชามติก่อน สามารถดำเนินการได้ แต่ที่เสนอมาก่อนหน้านี้นั้นเป็นร่างที่เกี่ยวกับคำวินิจฉัยที่ 4/2564 ซึ่งเคยตีตกแล้ว แต่จะเสนอกลับมาได้ เพราะเป็นคนละสมัยประชุม เช่น กรณีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ ที่จะพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 สภาฯต้องพิจารณาว่าบรรจุได้หรือไม่
“จะบรรจุหรือไม่ ผมพูดล่วงหน้าไม่ได้ เพราะต้องรอดูว่าเป็นร่างที่เหมือนเดิม หรือร่างที่ปรับปรุง สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร และต้องให้ที่ปรึกษาด้านกฎหมายพิจารณา ประกอบกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หากจะถามผมตอนนี้ว่าทบทวนหรือไม่ ยังพูดไม่ได้ สถานการณ์ต้องเปลี่ยนไป” นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว