ปชป.ชี้รัฐบาลไม่จริงใจ-ถ่วงเวลาแก้รัฐธรรมนูญ จี้รัฐบาลรีบตัดสินใจอย่ายื้อเวลา ย้ำจุดยืนพรรคต้องไม่แตะหมวด 1-2
เมื่อวันที่ 20 เม.ย. 67 นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงกรณีการทำประชามติเพื่อนำไปสู่การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญว่าหลักการของพรรคชัดเจนว่ารัฐธรรมนูญต้องแก้ไขเพิ่มเติมให้มีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มากกว่าฉบับปัจจุบัน ขณะนี้มีการถกเถียงเรื่องการทำประชามติว่าต้องดำเนินการกี่ครั้ง รัฐบาลก็ต้องตัดสินใจเพราะเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลได้ประกาศต่อประชาชนว่าจะทำอย่างเร่งด่วน ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ารัฐบาลพยายามถ่วงเวลามานานแล้ว
หากพิจารณารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันระบุไว้ชัดว่า คือให้มีการทำประชามติ หลังจากพิจารณาครบสามวาระแล้ว ให้ไปทำประชามติก่อน รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 256 (8) มีบทบัญญัติเป็นกรณี เฉพาะที่ไม่ปรากฏในรัฐธรรมนูญฉบับใดที่ได้บัญญัติไว้ว่า หากมีการแก้ไขเพิ่มเติมในหมวด 15 อันว่าด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจะต้องจัดให้มีการออกเสียงประชามติ ตามกฎหมายว่าด้วยการออกเสียงประชามติ และผลการออกเสียงประชามติ เห็นชอบด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม จึงจะแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามที่เสนอได้ คือ การจัดตั้ง ส.ส.ร. เมื่อ ส.ส.ร. ร่างเสร็จแล้วก็ต้องไปถามประชาชนโดยการออกเสียงประชามติอีกครั้ง ก็ถือว่าสมบูรณ์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ซึ่งหากเพิ่มการถามประชามติก่อนดำเนินการในสภา ก็จะไม่สอดคล้องกับหลักการของรัฐธรรมนูญ
นายราเมศ กล่าวตอนท้ายว่า ขณะนี้บางฝ่ายพยายามดึงศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นคู่กรณีด้วยในทางการเมือง ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ แต่หากไปศึกษาคำวินิจฉัยโดยละเอียดจะเห็นว่าคำวินิจฉัยไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อุปสรรคอยู่ที่ฝ่ายปฏิบัติที่ไม่กล้าในการตัดสินใจ
ในส่วนของพรรคยืนยันหลักการเดิมคือรัฐธรรมนูญต้องมีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ การแก้ไขเพิ่มเติมมีความจำเป็นต้องทำ และการแก้ไขจะต้องไม่ไปกระทบกับหมวดหนึ่งและหมวดสอง จึงต้องเรียกร้องให้รัฐบาลรีบตัดสินใจอย่ายื้อเวลา แต่ถ้าคิดว่าระบบประชาธิปไตยคือเครื่องมือในการเข้าสู่อำนาจ รัฐบาลก็ยื้อเวลาต่อไป