วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWSกางคำพิพากษาคดีจำนำข้าว“ชาญชัย”จี้รบ.ตามตัว“ปู”รับโทษ จ่อเอาผิด ม.157
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

กางคำพิพากษาคดีจำนำข้าว“ชาญชัย”จี้รบ.ตามตัว“ปู”รับโทษ จ่อเอาผิด ม.157

“ชาญชัย” แนะ “ภูมิธรรม-นายกฯเศรษฐา” ช่วยตามตัว “ยิ่งลักษณ์”รับโทษคดีทุจริตจำนำข้าว ยุติปมข้าวค้างโกดัง ย้ำทำให้ถูกต้อง จ่อยื่นเรื่องยึดหลักกฎหมาย ปปง. ถ้ายังเฉย ผิด ม.157 ติดตัวยาวแน่

เมื่อวันที่ 15 พ.ค.67 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์  อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวถึงกรณีข้อถกเถียงเรื่องข้าวเก่า 10ปีค้างโกดังในโครงการรับจำนำข้าว 10 ปีที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ระบุจะเอาเข้าสู่ระบบการค้าข้าวส่งออกนั้นว่า ข้าวล็อตสุดท้ายจำนวน 1.5 หมื่นตัน ที่มีการวิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสมที่จะนำข้าวค้างโกดัง10ปีนี้ไปขาย เพราะจะส่งผลกระทบต่อระบบการค้าข้าวและ ทำลายชื่อเสียงของข้าวไทย

นายชาญชัย กล่าวต่อว่า ขอย้อนถึงความเป็นมาของข้าวกองนี้ ที่เป็นเศษสุดท้ายของข้าวในโครงการรับจำนำข้าวว่า ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 คดีหมายเลขดำที่ อม. 22/ 2558 คดีหมายเลขแดงที่ อม.211/2560 และไม่ใช่เอกสารลับ สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะชนได้ โดยคำตัดสินของศาลฎีกาฯ สรุปสาระได้ว่า ‘น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นผู้กำกับดูแล ต้องระงับยับยั้งหรือแก้ไขปัญหาโดยเฉพาะการทุจริตในขั้นตอนการระบายข้าว แต่จำเลยกลับมีพฤติการณ์ในการละเว้นหน้าที่ตามกฏหมาย ส่อแสดงเจตนาออกโดยแจ้งชัด อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายบุญทรง กับพวกแสวงหาผลประโยชน์ จากโครงการรับจำนำข้าวโดยการแอบอ้างนำบริษัท GSSG และบริษัท Hainan grain เข้ามาทำสัญญาซื้อข้าวในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อนโดยทุจริตได้ค่าส่วนต่างจากราคาข้าวตามสัญญาซื้อขาย 4 ฉบับ อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการเงินการคลังของประเทศและเกิดผลกระทบต่องบประมาณแผ่นดินโดยตรงโดยตรง ถือได้ว่าเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ในความหมายตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542

ทั้งนี้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบสำหรับตนหรือผู้อื่น ดังนั้นการกระทำของจำเลยคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จึงเป็นการละเว้น การปฎิบัติหน้าที่ในตำแหน่งโดยทุจริตเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่กระทรวงการคลัง ประเทศชาติ หรือผู้หนึ่งผู้ใด อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 / 1 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามกฎหมายดังกล่าว ให้จำคุก 5 ปี‘

เมื่อศาลฯมีคำพิพากษาดังกล่าวในหน้า 95 ของคำตัดสิน ผมจึงขอฝากถึงนายภูมิธรรม รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ช่วยไปตาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตามคำพิพากษาศาลเพื่อดำเนินการให้ถูกต้องตามกฏหมาย หรือภาษาชาวบ้านคือ เอามาเข้าคุก5 ปี ตามคำพิพากษาของศาล ไม่ใช่ไปช่วย น.ส.ยิ่งลักษณ์ นอกจากนี้ผมจะทำหนังสือถึงนายภูมิธรรม พร้อมคำพิพากษาของคดีนี้ เพราะคุณมีหน้าที่ ซึ่งโดยหลักของ พ.ร.บ.การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ที่กำหนดมูลฐานความผิดตามมาตรา 3(5) ถือว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตามกฏหมายนี้และตามคำตัดสินของคดีนี้ คุณต้องไปยึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่สร้างความเสียหายในโครงการดังกล่าวคืนให้แก่รัฐ ทำให้ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติที่เสียหาย ตามคำพิพากษาคือ การเอาเงินกลับมาคืนคลังและกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นต้นเรื่องในการที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าเป็น รมว.พาณิชย์แล้ว กลับจะมาแก้ปัญหาให้กับคนที่ถูกศาลฎีกาฯตัดสินลงโทษไปแล้ว

ขอเรียนพี่น้องประชาชนว่า นอกจากจะส่งเรื่องนี้ให้นายภูมิธรรมแล้ว ผมจะส่งเรื่องนี้ให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายบริหาร รวมถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย ที่ต้องยึดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์ตามคำพิพากษาศาล เรื่องนี้นายกฯเศรษฐา ต้องดำเนินการนี้ เพราะเป็นคดีอาญา ส่วนที่มีการอ้าง และเป็นข้อเท็จจริงที่ว่า ศาลปกครองกลาง ได้ยกคำร้องกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ฟ้องว่ามีการเรียกเก็บเงินค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวกว่า 3หมื่นล้านบาทนั้น ถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน เพราะกรณีค่าปรับที่ศาลปกครองกลางสั่ง เป็นคดีคำสั่งทางปกครอง แต่คดีที่ศาลฎีกานักการเมืองตัดสินจำคุกนี้ เข้าข่ายมูลฐานความผิดการฟอกเงินของกฎหมาย ป.ป.ง. ซึ่งคดีแบบนี้ ผมเคยทำมาแล้วคือ ค่าโง่คลองด่าน ที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินสั่งให้รัฐ ต้องชดใช้เงินให้กับบริษัทเอกชนรวม 5 บริษัท

สุดท้ายเราต่อสู้คดีโดยใช้ข้อเท็จจริงและกฎหมายการฟอกเงินของป.ป.ง.พิสูจน์ว่า มีการทุจริตเกิดขึ้นจริง ตั้งแต่เจ้าหน้าที่บริษัท โดยใช้กฎหมายฟอกเงินไปยึดอายัดทรัพย์ทั้งหมด กลับคืนมาเป็นของรัฐ รวมกว่า 9พันล้านบาท จึงจำเป็นต้องอธิบายให้สังคมไทย รับทราบว่า วันนี้ต้องกลับไปยึดอายัดทรัพย์น.ส.ยิ่งลักษณ์กลับมาคืนรัฐ โดยนายภูมิธรรมที่เป็น รมว.พาณิชย์ มีหน้าที่ต้องทำ ซึ่งจะไปปรึกษากับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้ดีก็ได้ ซึ่งถ้าผมยื่นเรื่องไปแล้ว และหากพวกท่านไม่ทำอะไร ความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ตามมาตรา 157 ก็จะติดตัวท่านไปตลอดชีวิต“ นายชาญชัย กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img