‘’เทพไท’’แนะจับตา 23 พ.ค.จุดเปลี่ยนการเมือง ลุ้นศาลธรน.พิจารณากรณีสว.ยื่นถอดถอน’’เศรษฐา’’ปมตั้ง’’พิชิต’’นั่งรมต.
เมื่อวันที่ 19 พ.ค.67 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กว่า 23 พ.ค.จุดเปลี่ยนการเมือง ???
ผมเห็นคำสัมภาษณ์ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากต่างประเทศเกี่ยวกับกรณี ส.ว. ยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยความสิ้นสุดการเป็นรัฐมนตรี กรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า “ผมก็เคยบอกไปแล้วว่า ก่อนที่จะมีการแต่งตั้ง ให้นายพิชิต ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการสอบถามไปทางคณะกรรมการกฤษฎีกา และผมมั่นใจว่า จะสามารถตอบคำถามได้ เพราะอยู่บนหลักการของความถูกต้อง”
ผมคิดว่า นายเศรษฐาคงทำเป็นใจดีสู้เสือ มั่นใจว่าตัวเองได้ดำเนินการถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแล้ว เพราะยึดคำหารือของคณะกรรมการกฤษฎีกา มาตรา 160 (6) (7) แต่ไม่ได้หารือมาตรา 160 (4) (5) ซึ่งเป็นข้อหารือที่ไม่ครบถ้วน และคงจะเชื่อข้อมูลของนายพิชิต ชื่นบาน ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสีย ต้องตีความเข้าข้างตัวเอง
เมื่อการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของนายพิชิต ชื่นบาน ขัดต่อรัฐธรรมนูญ นายเศรษฐาจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะเป็นผู้ทูลเกล้าและรับสนองพระบรมราชโองการ เป็นการจงใจฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
การที่นายเศรษฐาออกมาแสดงความมั่นใจว่า ตัวเองทำถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่างนั้น น่าจะเป็นเรื่องของการกลบเกลื่อนความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ซึ่งผลที่ตามมาก็คือ
1.ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับวินิจฉัยคำร้องดังกล่าวแล้ว จะต้องพิจารณาในท้ายคำร้องของ 40 ส.ว. ที่ให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วย ซึ่งโดยหลักปฏิบัติที่ผ่านมา จะเป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ปัญหาที่ตามมาก็คือ ถ้าหากนายเศรษฐาหยุดปฏิบัติหน้าที่ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
2.ถ้าหากในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในอดีตที่ผ่านมา สามารถเทียบเคียงกันได้กับกรณีของนายสมัคร สุนทรเวช เมื่อหลุดจากตำแหน่งไปแล้ว มีการสนับสนุนให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรีแทน ในครั้งนี้ถ้าหากนายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งไป จะสนับสนุนให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย ดีลการเมืองเดิมมีเงือนไขอย่างไรบ้าง ฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะเห็นด้วยหรือไม่ เว้นแต่ยังจำเป็นต้องยืมมือนายทักษิณมาสู้กับพรรคก้าวไกลต่อไป
ขอให้รอดูผลการประชุมของศาลรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ว่า ผลออกมาอย่างไร ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของการเมืองไทยอีกครั้งหนึ่ง