กรมวิทย์ฯ ตรวจข้าวไม่พบสารเคมี คุณค่าโภชนาการครบ แต่ปัดการันตีเป็นข้าว 10 ปี ขอใช้คำ “ตัวอย่างจากก.พาณิชย์” ย้ำตรวจตรวจอายุข้าวไม่ได้ พร้อมลุยตรวจสอบเพิ่มได้หากอย. เป็นคนเก็บตัวอย่างส่ง ด้านอคส. เร่งทำทีโออาร์ คาดปลายพ.ค.นี้นำออกประมูล
เมื่อวันที่ 20 พ.ค.67 ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ นพ.ยงยศ ธรรมวุฒิ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงข่าวผลการตรวจข้าวที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์ ทางด้านสารเคมีตกค้าง การปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อรา และคุณภาพของข้าวด้านสารอาหารและอื่นๆ ด้วยระบบคุณภาพมาตรฐาน ISO/IEC 17025 นพ.ยงยศ กล่าวว่า กรมวิทย์ ฯ เป็นตัวแทนของคนไทยทุกคน เป็นห้องปฏิบัติการ (แล็บ) ที่ได้มาตรฐาน เป็นแล็บอ้างอิง หรือ ห้องตรวจชันสูตรอ้างอิง ที่ได้รับมาตรฐาน ISO/IEC 17025 อันดับที่ 5 ของโลกและที่ 3 ของเอเชีย ซึ่งมีความละเอียดแม่นยำสูงมาก ทั้งนี้กรมวิทย์ได้รับตัวอย่างข้าวสารจากกระทรวงพาณิชย์ 2 ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา แบ่งเป็น 3 กิโลกรัม และ 5 กิโลกรัม รวมถึงกรมวิทย์ฯ ได้มีการซื้อข้าวสารจากร้านค้าที่ขายข้าวสารรอบๆ กระทรวงสาธารณสุขมาตรวจสอบเพื่อเป็นการเปรียบเทียบด้วย โดยในการตรวจได้ใช้นักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญกว่า 10 คน เครื่องมือที่ทันสมัยที่สุด มีการตรวจ 2 รอบ ผลออกมาสรุปเบ็ดเสร็จกลางดึกคืนวันศุกร์ รายงานผลเมื่อวันเสาร์จึงได้มาแถลงข่าววันนี้ ยืนยันว่ากรมวิทย์ไม่ได้ดึงหรือชะลอผลแต่อย่างใด
นพ.ยงยศ กล่าวต่อว่า การตรวจข้าวจะมีการตรวจด้วยตาเปล่า ด้วยการดม ด้วยกล้องจุลทรรศน์กำลังขยาย 30 และ 50 เท่า เพื่อตรวจสอบคุณภาพ 3 ด้าน คือ 1. ด้านกายภาพ สิ่งแวดล้อม คือการดูลักษณะทั่วไป ดูลักษณะสี กลิ่นของเมล็ดข้าว และดูสิ่งแปลกปลอม เช่น แมลง ซากแมลง ชิ้นส่วนแมลง หิน กรวด เป็นต้น 2.ด้านความปลอดภัย จะตรวจสารพิษจากเชื้อรา เช่น สารอะฟลาท็อกซิน ทั้ง 5 สารพันธุ์ สารตกค้างที่เหลือจากการรมข้าว สารเคมีที่มีข้อกำหนดต้องตรวจตามมาตรฐานการเกษตร 250 ชนิด การตรวจโลหะหนัก และ 3.ด้านคุณค่าทางโภชนาการ ที่ประกอบด้วยสารอาหารและแร่ธาตุ นอกจากนั้น ยังได้ตรวจหาสารพิษที่พบในอาหารประเภทบะหมี่ ตามที่มีรายงานข้าวในประเทศญี่ปุ่นและไต้หวันด้วย

นพ.ยงยศ กล่าวต่อว่า ผลการตรวจด้านที่ 1 ลักษณะทางกายภาพพบว่าตัวอย่างข้าวที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์ มีสิ่งแปลกปลอมทั้งมีชีวิต และไม่มีชีวิต ส่วนใหญ่จะเป็นเศษของมอดทั้ง 3 ชนิดที่พบบ่อยในข้าวสาร โดยมีเพียงตัวอย่างเดียวที่ไม่พบ คือ ข้าวสารใหม่ที่เป็นตัวอย่างควบคุม ส่วนอีก 1 ตัวอย่างเป็นข้าวเก่าที่ซื้อจากร้านค้าก็มีมอดปนอยู่แต่ไม่มาก ทั้งนี้ มาตรฐานสินค้าเกษตร (มกษ.) 4000-2560 ระบุไว้ว่าข้าวหอมมะลิไทยต้องปราศจากแมลงและไรที่มีชีวิต ดังนั้น ถ้าเอามาตรฐานสินค้าเกษตรมาเทียบ ก็จะไม่ผ่าน 3 ตัวอย่าง คือ ข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ และข้าวเก่าในร้านค้า ส่วนเรื่องของกลิ่นนั้นพบว่า ข้าวตัวอย่างจากกระทรวงพาณิชย์จะมีกลิ่นเหม็น
ด้านที่ 2 ด้านความปลอดภัย จะตรวจสารอะฟลาท็อกซิน (B1+B2+G1+G2) และเชื้อราอีก 7 ตัว ได้แก่ Deoxynivalenol, Fumonisins (B1+B2) , Ochratoxin A, Citrinin, Trichothecenes HT-2 toxin, Trichothecenes T-2 toxin และ Zearalenone พบว่าการตรวจครั้งแรก ไม่พบสารตกค้างดังกล่าว เมื่อตรวจซ้ำรอบอีกรอบก็ไม่พบสารตกค้างเช่นกัน ส่วนการตรวจหาสารตกค้างของสารรมควัน 3 ตัว ได้แก่ hydrogen phosphide, bromide ion และ ethylene oxide และเพิ่มการตรวจสารกำจัดศัตรูพืช 250 ชนิด ตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ใช้ตรวจในกองด่านอาหารและยา ผลปรากฏว่า ไม่พบเลย ส่วนการตรวจโลหะหนัก พบสารตะกั่ว 0.009 ในทั้ง 4 ตัวอย่าง แต่ปริมาณน้อยกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 0.2 สารหนูพบในข้าวจากกระทรวงพาณิชย์ 0.126 และ 0.146 และข้าวตัวอย่างควบคุม 2 ตัวอย่าง พบที่ 0.151 และ 0.122 ซึ่งน้อยกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 0.2 ดังนั้น ด้านโลหะปนเปื้อนอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
ส่วนผลตรวจคุณค่าทางโภชนาการพบว่าตัวอย่างข้าวที่ กระทรวงพาณิชย์ส่งมา และตัวอย่างที่ซื้อมาจากรอบกระทรวงฯ มีมีวิตามินและแร่ธาตุไม่แตกต่างกัน คุณค่าทางโภชนการไม่แตกต่างกัน เราจึงเชื่อว่า ถ้าถามว่าข้าวตรงนี้ ยังสามารถให้คุณค่าทางอาหารหรือไม่ ถ้าดูตรงนี้ ทั้ง 4 ตัวอย่างไม่แตกต่างกัน แต่ต้องไปดูเรื่องแรกคือ มาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ.4000-2560 ที่ไม่ให้มีสิ่งปนเปื้อนมานั้น ยืนยันว่าการตรวจครั้งนี้เป็นผลตรวจอย่างตรงไปตรงมา โดยบุคลากรที่เชียวชาญและมีความเป็นอิสระโดยตนในฐานะอธิบดีไม่เคยไปบอก หรือสั่งให้มีการตรวจ หรือกดดันแต่อย่างใด พร้อมได้ยืนยันกับผู้บริหารของกรมวิทย์ ว่าการแถลงข่าวจะต้องเป็นไปตามที่นักวิทยาศาสตร์ในห้องแล็บส่งผลมา จะไม่มีการแถลงที่บิดพลิ้วจากผลตรวจแม้แต่รายการเดียว
เมื่อถามว่า ในการตรวจข้าวตัวอย่างได้ตรวจถึงจำนวนปีของข้าวสารนั้นหรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า จากการรีวิวเกี่ยวกับการตรวจข้าวทั่วโลก จนถึงตอนนี้ยังหาวิธีตรวจอายุข้าวไม่ได้ แต่ให้นักวิทยาศาสตร์กรมวิทย์ฯ เพื่อหาทางตรวจไม่ได้
เมื่อถามว่า กรมวิทย์ยืนยันหรือมไม่ว่า ข้าว 10 ปี สามารถรับประทานได้ ไม่เป็นอันตราย นพ.ยงยศ กล่าวว่า ต้องบอกว่าไม่ใช่ข้าว 10 ปี แต่ต้องบอกว่า ข้าวที่กรมวิทย์ได้รับการส่งมาจากกระทรวงพาณิชย์มีคคุณค่าทางโพชนาการ คาร์โบร์ ไฮเดรต ไขมัน แร่ธาตุวิตามินไม่แตกต่างจากข้าวสารที่จำหน่ายในปัจจุบัน แต่ข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ส่งมา ผิดมาตรฐานสินค้าการเกษตร เรื่องวัตถุปลอมปน เศษซากแมลง มอดที่มีชีวิตซึ่งไม่ควรมี แต่ก็มี อย่างไรก็ตาม ถ้าตัดขาปลวก ปีกด้วง ตัวมอดเป็นๆ ออกไปก็คงไม่แตกต่างกัน
เมื่อถามย้ำว่า กรมวิทย์ตีเป็นเปอร์เซ็นต์ได้หรือไม่ว่า คุณค่าทางโภชนาการของข้าว 10 ปี ที่พบนั้นสูงกว่า น้อยกว่าข้าวใหม่อย่างไร นพ.ยงยศ กล่าวว่า ขอเริ่มต้นใหม่ว่า นี่เป็นตัวอย่างข้าวที่กรมฯ ได้รับมาจากกระทรวงพาณิชย์ ย้ำว่า เราไม่ได้บอกว่าข้าว 10 ปี แต่เป็นตัวอย่างข้าวที่ได้รับจากกระทรวงพาณิชย์ มีคุณค่าทางโภชนาการ ไม่แตกต่างจากข้าวที่อยู่ในท้องตลาดที่เราหาซื้อในปัจจุบัน แต่ก็ต้องมองเรื่องการปนเปื้อนอีกเช่นกันที่พบว่าไม่ได้มาตรฐานเนื่องจากมีเศษสิ่งมีชีวิต และไม่มีชีวิตจำนวนมาก
เมื่อถามว่า เนื่องจากประชาชนยังไม่มั่นใจเกี่ยวกับการเก็บตัวอย่างมาตรวจที่กรมวิทย์ฯ เพราะฉะนั้นถ้าอย.เป็นคนไปเก็บมาส่งทางกรมวิทย์พร้อมตรวจหรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า ยินดี คนกรมวิทย์รออยู่ที่นี่ เมื่อถามย้ำว่า จะหารือกับรมว.สาธารณสุขเพื่อให้มีข้อสั่งการไปยังอย.ให้เก็บตัวอย่างส่งตรวจกรมวิทย์ หรือไม่ นพ.ยงยศ กล่าวว่า กรมวิทย์ ยินดีซับพอร์ต เพื่อทำประโยชน์ แม้ว่าค่าตรวจค่อนข้างแพงหลายแสนบาท ในส่วนของรมว.ก็บอกว่า ให้ตรวจและรายงานตามความเป็นจริง
นางวิชาดา รงมีวาสนา ผอ. กล่าวว่า ผลการตรวจคุณค่าทางโภชนาการ พบว่าข้าวเก่าจะมีคุณค่าทางโภชนาการบางอย่างสูงกว่าข้าาวใหม่นั้นอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของความชื้นของข้าวแต่ละชนิด เวลาเอามาชั่ง หรือเอาตัวอย่างมาก็มีผลต่อจำนวนกรัม และแร่ธาตุบางชนิดที่ปรากฏก็อาจจะขึ้นอยู่กับแหล่งผลิตของข้าวด้วยเช่นกัน
ด้านนายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ข้าวในสต็อกรัฐบาลเหลืออยู่ทั้งหมด 2 คลัง รวม 15,013.24 ตัน หรือ 145,590 กระสอบ โดยเก็บอยู่ที่ 2 ดกดัง ในจังหวัดสุรินทร์ นับว่าเป็นล็อตสุดท้ายของรัฐบาล แล้วกรทะทรวงพาณิชย์ ได้รับรองเรียนว่า เก็บมานานต้องมีค่าใช้จ่ายมาก รัฐบาลจึงอยากเอาข้าวนี้มาระบายและเอาเงินกลับเข้ารัฐ ซึ่งสื่อมวล ผู้ประกอบการโรงสี ข้าวถุง ส่งออก ได้ร่วมนายภูมิธรรม เวชชยชัย รมว.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ซึ่งมีการตรวจสอบและเก็บตัวอย่างโดยบริษัทเซอร์ไวเยอร์กลางที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมการค้าต่างประเทศ มีสำนักงานใหญ่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ทั้งนี้การเก็บตัวอย่างมีการผ่ากองข้าวทุกกองลงไป 15 ชั้น เพื่อให้ได้ตัวอย่างที่ใกล้เคียงที่สุด และเป็นมาตรฐาน และเนื่องจากมีกระแสความเป็นห่วงเป็นใย จึงได้นำส่งตัวอย่างข้าวมาตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ซึ่งย้ำว่า การเปิดคลังจะมีกุญแจ 3 ดอก จากกระทระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย และเจ้าของคลัง ต้องเปิดพร้อมกัน ดังนั้นมีกระบวนการที่โปร่งใส ทั้งนี้ในส่วนของการนำข้าวเหล่านี้เพื่อการส่งออก จะต้องมีมาตรฐานการปรับปรุงคุณภาพ และตรวจสอบมาตรฐานอีกว่า ข้าวที่จะส่งออกนั้นมีมาตรฐานหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การสุ่มตรวจนั้นสามารถทำได้เรื่อยๆ แต่บริษัทที่เราใช้ครั้งนี้ถือเป็นบริษัทชั้นนำ มีการเก็บตัวอย่างตามาตรฐาน แต่หากไม่สบายใจก็สามารถเก็บตัวอย่างมาตรวจได้อีก เพื่อให้มีความน่าเชื่อถือที่สุด
“เรื่องนี้เราอยากไปกันต่อ เพราะเราเป็ฯแหล่งปลูกข่าว ส่งออกข่าว ผลตรวจกรมวิทย์นั้น ออกมาเราก็สบายใจ ตัวอย่างก็เก็บมีมาตรฐานจากเซอร์ไวเวอร์กลาง ถือว่าเราทำงานอย่างโปร่งใสที่สุดแล้ว ส่วนขั้นตอนการประมูลจากนี้ หรือจะดำเนินการอยางไรทางอคส.ก็คงรับไปดำเนินการอย่างไร” นายวัฒนศักดิ์กล่าว
ขณะที่นายกฤษณรักษ์ ใจดี รักษาการองค์การคลังสินค้า กล่าวว่า กรณีที่มีการตั้งคำถามถึงกระบวนการนำข้าวออกประมูลข้าวที่เหลืออยู่ 1.5 หมื่นตัน ต่อจากนี้ ขณะนี้ยังอยู่ในกระบวนการของคณะกรรมการตรวจสอบและดำเนินการเรื่องทีโออาร์การประกาศจำแหนาย คาดว่าไม่เกิน สิ้นเดือน พ.ค.นี้ อคส.จะประกาศจำหน่ายข้าวตัวนี้ ซึ่งการจัดทำทีโออาร์ต้องทำอย่างรอบคอบมากที่สุด
เมื่อถามว่า ตามกฎหมายหากนำข้าว 10 นี้นี้มาวางจำหน่าย กำหนดให้ต้องทำฉลากหมายเหตุให้ประชาชนทราบด้วยหรือไม่ ว่าข้าวถุงนั้นๆ มาจากข้าวล็อต 10 ปี นายวัฒนศักดิ์ ต้องไปดูในรายละเอียด แต่อย่างที่อธิบดีกรมการแพทย์บอกแล้วว่า คุณภาพของข้าวนั้นเป็นอย่างไร ถ้ามาตรฐานเป็นไปตามที่อธิบดีกรมวิทย์ฯ ระบุ ก็ถือว่าไม่มีความแตกต่างกัน