วันพุธ, มิถุนายน 26, 2024
หน้าแรกHighlight‘วิษณุ’ชู3เหตุผลปฏิเสธ‘นายก’ให้มาช่วย แต่ทนลูกตื้อไม่ไหว-ไม่ติดใจ‘ไร้ยางอาย’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘วิษณุ’ชู3เหตุผลปฏิเสธ‘นายก’ให้มาช่วย แต่ทนลูกตื้อไม่ไหว-ไม่ติดใจ‘ไร้ยางอาย’

“วิษณุ” ร่ายยาวเล่าเบื้องหลังนายกฯขอให้มาช่วย แต่ปฏิเสธ 3 เหตุผล สุดท้ายสู้ลูกตื้อไม่ไหว บอกไม่ติดใจนายกฯเคยโพสต์ “ไร้ยางอาย”

เมื่อวันที่ 30 พ.ค.67 นายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ครั้งแรกหลังนายกรัฐมนตรี​เตรียมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ว่า ตนไม่สามารถพูดอะไรได้มากกว่าที่นายกรัฐมนตรีพูดไปก่อนหน้านี้ แต่จะเล่าเหตุการณ์​ให้ฟังว่า นายกรัฐมนตรีได้เดินทางมาพบตนเมื่อ 25 พ.ค.67 บอกให้ช่วยเป็นรองนายกรัฐมนตรี แต่ตนแจง 3 เหตุผล ปฏิเสธนายกรัฐมนตรีไปคือ 1.เรื่องสุขภาพ ที่เป็นทั้งโรคไต และโรคตา 2. ในช่วงเวลา 10 เดือนที่พ้นจากตำแหน่ง ได้รับงานอื่นไว้จำนวนมาก หากต้องลาออก งานก็จะเสียงาน 3.มีปัญหาที่บ้านต้องจัดการหลายอย่าง

นายวิษณุ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีจึงเสนอให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ตนจึงตอบว่า ไม่อยากจะวุ่นวาย กับการยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน จึงถูกชวนอีกว่า ให้มาเป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โดยที่ไม่ต้องเป็นข้าราชการการเมือง ไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ไม่มีห้องและรถประจำตำแหน่ง มีแค่เบี้ยประชุม เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้รัฐบาล จึงถามกลับว่า รัฐบาลมีปัญหาอะไร นายกรัฐมนตรีรับว่า ที่ผ่านมามีการถกเถียงระหว่างผู้ไม่รู้กับผู้ไม่รู้ หรือบางครั้งเป็น ครม.กับคนนอก ครม. ดังนั้นเมื่อมีปัญหาอะไรจึงอยากปรึกษา จึงได้ตอบรับว่า เช่นนั้นเป็นที่ปรึกษาสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) จะได้โลว์โปรไฟล์มาหน่อย และอาจจะช่วยดูวาระ ครม.ที่สำคัญๆ นายกรัฐมนตรีจึงพูดว่า จากการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เห็นตรงกันว่า อยากให้นายวิษณุร่วมประชุม ครม.ด้วย เพื่อจะได้ทักท้วงได้ทันท่วงที ไม่ใช่มีมติไปแล้วจึงมาแก้ไข โดยตนก็ท้วงไปอีกว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีกฤษฎีกา และรัฐมนตรีหลายคนที่เป็นนักกฎหมาย เช่น นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน แต่นายกรัฐมนตรีตอบกลับว่า ในบางเรื่องอยากจะได้ผู้ที่เป็นกลาง สุดท้ายตนจึงบอกว่า แล้วแต่ท่านนายกรัฐมนตรีไปจัดการ

ส่วนการกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง เป็นเพราะนายกรัฐมนตรี ถูก 40 สว.ยื่นร้องใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรีจะมาปรึกษาเรื่องนี้ แต่ตนไม่ใช่เจ้าของเรื่อง นายพิชิต ชื่นบาน ต้องเป็นผู้ดำเนินการ รวมทั้งกฤษฎีกา ทีมกฎหมาย และอัยการ ที่ต้องเข้ามาดูเรื่องนี้ และอาจจะให้ตนเข้าไปช่วยดูได้ ส่วนคดีนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ตนยังไม่เห็นสำนวน และคำร้องแต่คิดว่าพอจะมีหนทางในการสู้คดี แต่สู้แล้วชนะหรือไม่ ไม่รู้ ซึ่งเมื่อครั้งของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกร้อง 5 คดี ก็เข้าไปช่วยดู แต่ไม่ได้เข้าไปดูในฐานะหัวหน้าทีม

เมื่อถามว่า กรณีที่มีการนำการรีโพสต์ทางแอปพลิเคชั่น x ของนายเศรษฐา​ ทวีสิน​ ที่ระบุว่า “ไม่มียางอาย” จากการให้ความเห็นที่เกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล​ นายวิษณุ​ ย้อนถามคำถามว่า “ใครไม่มียางอาย ผมไม่รู้ และไม่ติดใจ อย่างที่นายกฯเคยโพสต์ข้อความว่าตน​ และตอนนั้นตนก็แลกกันไปคนละหมัดแล้ว”

ส่วนที่นายเศรษฐาออกมาชี้แจงว่า ที่พูดไปคือว่าที่ “ความ” ไม่ได้ว่าที่ “คน” นายวิษณุ รับว่า “อันนี้จริง ท่านก็พูดกับผม ก็พูดอย่างนั้น ท่านถึงว่าเราเอาความเป็นใหญ่​ อย่าไปเอาคน​ และผมสนิทและรู้จักกับนายเศรษฐา​ อยู่ก่อนนานแล้ว และขอปฏิเสธเรื่องกระแสที่มีการวิจารณ์ว่า ตระบัดสัตย์ ผมก็ปฏิเสธ​ ไม่รับตำแหน่ง ถ้าตระบัดสัตย์ก็รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว”

“ผมอุตส่าห์เขียนหนังสือเรื่อง “ชีวิตที่เหมือนทรายกับทะเล” วันหนึ่งทะเลก็คือการเมือง ก็ขึ้นมาซัดทรายอยู่เรื่อยๆ ที่หมอดูเคยทายเอาไว้ ซึ่งวันนี้ก็มาถึง ว่าให้เป็นรองนายกฯ ผมไม่เป็น และย้ำว่าถ้าใครมาชวน ก็เปิดสะดือให้ดู และก็เปิดจริงๆ เมื่อเขาชวนเป็นรองนายกฯ แต่พอชวนเป็นที่ปรึกษา ซึ่งสถานที่ธรรมดาอาทิตย์หนึ่งทำงานที่บ้าน 6 วัน ใครมีเรื่องอะไร ก็เอาแฟ้มมาให้ตนดูที่บ้าน ไม่ได้ลำบากลำบนอะไร ทุกวันนี้สอนหนังสือเนติบัณฑิตเหนื่อยกว่าอีก”นายวิษณุ กล่าวพร้อมกับยืนยันว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจกับคำวิพากษ์วิจารณ์ของโซเชียล​มีเดีย​ ไม่ได้ลำบากใจ เราอยู่ในระบอบประชาธิปไตย ใครจะว่าอย่างไรก็ว่ากันได้​ ข้อสำคัญคือ “สุทธิ​ อสุทธิปัจจัตตัง” บริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ใจ​ ย่อมรู้แก่ตัวเอง

นายวิษณุ ยังยืนยันว่า ส่วนที่มีการมองกันว่าการมาของนายวิษณุ เพื่อปูทางการกลับมาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร​ อดีตนายกรัฐมนตรี และมาช่วยดูคดีของนายทักษิณ​ใช่หรือไม่​นั้น นายวิษณุ ตอบว่า ไม่จริง เพราะการที่จะนำน.ส.ยิ่ง​ลักษณ์​กลับมา ไม่ได้ยากเลย​ ซื้อตั๋วก็มาได้แล้ว สิงคโปร์-กรุงเทพฯ ลอนดอน-กรุงเทพฯ หรือดูไบ-กรุงเทพฯ แต้ปัญหาคือมาแล้วถูกจำคุก 5 ปี เป็นการจำคุกที่ศาลได้ตัดสินแล้ว ตนจะไปช่วยอะไรตรงนี้ได้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img