วันเสาร์, กันยายน 28, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“สมชาย”ปูดเลือกสว.บิดเบี้ยว-มีฮั้วสนั่น “2สส.พรรคใหญ่”จัดเลี้ยงก่อนวันเลือก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“สมชาย”ปูดเลือกสว.บิดเบี้ยว-มีฮั้วสนั่น “2สส.พรรคใหญ่”จัดเลี้ยงก่อนวันเลือก

“สมชาย” ตามปูดอีกเลือกสว.ฮั้วสนั่น มีโพยฝึกกาก่อนเข้าคูหา แฉ 2 สส.พรรคใหญ่ในอีสานจัดเลี้ยงผู้สมัครก่อนวันเลือก ขู่ถึงขั้นยุบพรรค จี้กกต.ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเจอทุจริตแน่

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.67 เวลา 11.00 น. ที่รัฐสภา นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกสว.ระดับอำเภอ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า ตนยืนยันว่ามีขบวนการขนคนไปสมัคร สว. ได้ดำเนินการสำเร็จลุล่วงไปแล้ว หลักฐานปรากฏได้จากการตรวจลงคะแนนทุกอำเภอทุกกลุ่ม ซึ่งจะพบว่า มีคนได้คะแนน 0 คะแนนเยอะมาก ซึ่งช่องว่างเกิดจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมมนูญ ซึ่งการได้มาของสว. ที่บอกว่า ผู้สมัครเลือกตัวเองก็ได้ ไม่เลือกตัวเองก็ได้ จึงทำให้เกิดขบวนการขนคน 25,000 คน ที่คาดการณ์ว่า ขนมาเพื่อใช้จ้างวาน เกณฑ์มาเลือก ได้กระทำการเต็มที่แล้ว โดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระดับอำเภอ ไม่ได้ตรวจสอบคุณสมบัติ และประสบการณ์ 10 ปีจริง ปล่อยให้ประกาศกกต.ว่าลักษณะอื่นทำนองเดียวกัน เข้ามาสมัครได้ ซึ่งคนเหล่านี้ไม่ได้เข้ามาเพื่อเป็นสว. ได้กระทำการสำเร็จ คือเป็นผู้มาเลือกสว. ซึ่งทำให้ได้คะแนนที่ออกมาบิดเบี้ยว ในบางกลุ่มจังหวัด ก็จะเห็นประมาณ 5 คะแนน มี 3-4 คน ที่เกาะเป็นกลุ่ม บางกลุ่ม 8-10 คะแนน ซึ่งชัดเจน ดังนั้น กฎหมายที่เปิดช่องว่างคือพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ เป็นอำนาจที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในอนาคต

นายสมชาย กล่าวต่อว่า รวมถึงประกาศกกต. ที่ทำให้สามารถกระจายกลุ่มคนรับจ้าง หรือที่จัดตั้งมา ไปอยู่ในกลุ่มต่างๆ เพื่อโหวตตรงและโหวตไขว้ได้ และที่สำคัญคือ นอกจากการไม่ตรวจประสบการณที่รับรองกันเอง ซึ่งจะเห็นว่าเป็นเท็จเยอะมาก เช่น ทำอาชีพรับจ้าง ก่อสร้าง ทำนา เลี้ยงไก่ หรือกลุ่มศิลปะเหล่านี้ เมื่อเลือกเสร็จก็กลับบ้าน โดย กกต.ไม่มีการตามติดต่อภายหลัง ซึ่งผิดวิสัยของการตรวจสอบทุจริต และสิ่งที่น่าจะทำให้การเลือกมีปัญหาคือการอนุมัติให้นำเอกสารที่เรียกว่า สว.3 เข้าคูหา หมายความมว่า เอาโพยเข้าห้องสอบได้ ซึ่งตนทราบว่ามีการซ้อมกาหมายเลขต่างๆ ในเซฟเฮ้าส์ก่อนหน้าที่จะถึงวันเลือกสว. และนำเอกสารที่ซ้อมกาหมายเลขไว้ เข้าคูหาด้วย ซึ่งสามารถไปดูกล้องวงจรปิดได้ทุกอำเภอ ว่ามีบุคคลนำเอกสารเข้าคูหา อย่าลืมว่าในอดีต กกต.เคยมีคดีหันคูหาให้สื่อมวลชนถ่ายวีดีโอมาแล้ว ดังนั้น ตนจึงคิดว่ากระบวนการเลือกสว.ขั้นที่ 1 น่าจะมีปัญหา ส่วนบุคคลที่รับจ้างมาหายไปแล้ว 2 หมื่นกว่าคน ก็ไม่ได้หมายความว่า บุคคลที่เหลืออยู่จะฮั้วหมด อาจจะมีการหลุดรอดออกมาได้ ดังนั้น ต้องจับตาต่อในการเลือกระดับจังหวัด ซึ่งจะปรากฎเห็นชัดขึ้นว่า จะมีการฮั้วบล็อกโหวตหรือไม่ ซึ่งตรงนี้กลุ่มการเมืองและกลุ่มที่จัดตั้งเท่านั้นที่จะผ่านเข้ารอบ และเมื่อถึงระดับประเทศ ก็จะถึงบางอ้อเองว่า คนที่ได้สว.มาอย่างไร ซึ่งตนไม่ได้กล่าวหาคนที่มาด้วยความบริสุทธิ์ แต่ยืนยันว่าถ้าไม่ได้เกณฑ์หรือจัดตั้งมา ก็น้อยคนที่ขนะเข้ามาได้

เมื่อถามว่า ที่ระบุว่ามีหลักฐานการนำโพยเข้าคูหาได้มาอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า มีคนส่งตัวอย่างมาให้ดูว่าเขาไปซ้อมกันที่ไหน เป็นรูปให้กาหมายเลข 3 หมายเลข 6 ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับ กกต.ที่มีหน่วยสืบสวนสอบสวนทำงานหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพบว่า จุดอ่อนคือไม่พบว่ามีการตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องคุณสมบัติ และปล่อยให้เข้ามา ซึ่งในทางการข่าวถ้าจะจับคนร้ายต้องดำเนินการตั้งแต่ต้นทาง ต้องสืบไปที่หมู่บ้านและตำบล ว่ามีการขนคนเก็บบัตรประชาชน ออกใบรับรองแพทย์โดยที่ไม่ได้ตรวจหรือไม่ ซึ่งรูปถ่ายก็เห็นว่าเป็นกระบวนการ แต่ กกต.บอกว่าไม่พบกระทำความผิด ซึ่งตนเห็นว่าไม่ได้ตรวจจะเห็นอย่างไร โดยตนจะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าที่ประชุมคณะกรรมาธิการ

เมื่อถามย้ำว่า หลักฐานที่ได้มา สามารถเอาไปร้องได้หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า อยู่ที่ผู้ร้อง ซึ่งปัญหาขณะนี้ ผู้ร้องมีสิทธิ์ร้องใคร ถ้าบพการทุจริตผู้มีสิทธิ์ร้องคือ ผอ.กกต.อำเภอ แต่ผอ.กกต.อำเภอ ปล่อยออกมาหมด ทั้งที่กระบวนการทุจริต มีตั้งแต่ก่อนสมัคร ที่ปล่อยให้ขบวนการจับจ้าง 2 หมื่นกว่าคน ขนปิ๊กอัพใส่สูทปลอม บัตรตรวจสุขภาพปลอม มีการจัดจ้างเข้ามาตั้งแต่ระดับอำเภอ เช่นที่จ.มุกดาหาร มีหมอไปร้องว่า อสม.ไม่มีสิทธิ์สมัคร แต่ศาลบอกว่าผู้ร้องไม่มีอำนาจ ซึ่งก็ใช่ เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่า ผู้ร้องคือ ผอ.การเลือกตั้ง

“นอกจากนั้นยังมีผู้ร้องว่าบางจังหวัดในภาคอีสาน มีการจัดเลี้ยงก่อนลงสมัคร ซึ่งเรื่องนี้มีการส่งให้ประธานรัฐสภาเรียบร้อยแล้ว และร้องมาที่ผมด้วย ว่ามีสส. 2 คน ได้จัดงานเลี้ยงผู้สมัคร สว.ซึ่งทราบว่า เป็นสส.พรรคการเมืองใหญ่ เพราะถ้าไม่ใหญ่ไม่กล้าทำ ใหญ่ทั้งแผ่นดิน อย่างไรก็ตามหากเรื่องงนี้ประธานรัฐสภา เอาจริงในการตรวจสอบก็จะนำไปสู่การผิดจริยธรรมของสส. และอาจจะนำไปสู่การยุบพรรคได้”นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวต่อว่า เราคงไปเบรกการกระทำอะไรไม่ได้ เรามีหน้าที่ตรวจสอบก็ตรวจไป ใครทำทุจริต วันหน้าก็ต้องรับคดีความไป และคงจะเห็นภาพชัดเจนว่า การเลือกสว. ที่เราประสงค์ จะทำให้มีสว.ที่ดีทั้ง 20 กลุ่ม เกิดโมฆียะตั้งแต่ต้นแล้ว และตนเชื่อว่าไปต่อยาก และถ้ากกต.ทำหน้าที่ของตัวเองสัก 90% ก็เจอแล้ว ขนาดผมทำหน้าที่กมธ. แค่กมธ.ยังเจอเลย แต่กกต.แถลงแค่ว่าเรียบร้อย แล้วเรียบร้อยใคร เรียบร้อยโรงเรียนวัวเท่านั้น

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img