พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติประชามติฉบับใหม่ ชี้เป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยแบบทางตรง ลดขั้นตอน อำนวยความสะดวกให้ประชาชน และประหยัดงบประมาณ
เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.67 นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง พ.ร.บ. ประชามติว่า เป็นเรื่องที่สำคัญของประเทศ จึงควรถามประชาชนว่ามีความเห็นอย่างไร เช่นการทำกฎหมายรัฐธรรมนูญ ก็มีความจำเป็นต้องทำประชามติ คือการกลับไปถามประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจของประเทศโดยตรง ซึ่งทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยเคยทำประชามติมาหลายครั้ง ดังนั้นการทำประชามติจึงควรจะทำได้ง่าย สะดวกกับประชาชน และให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม
อย่างไรก็ตามพระราชบัญญัติประชามติปีพ.ศ. 2564 ยังมีปัญหาหลายประการที่ทำให้เป็นอุปสรรค ต่อการทำประชามติ คือการออกเสียงประชามติจะมีผลเป็นข้อยุติได้จะต้องผ่าน 2 ด่าน คือ 1. ต้องมีคนออกมาใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง หรือมากกว่า 26 ล้านคน 2. ผู้มาใช้สิทธิ์ต้องมีเสียงไปข้างใดข้างหนึ่งเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ จึงจะทำให้การออกเสียงประชามติเป็นผลได้ นอกจากนี้การทำประชามติแต่ละครั้งต้องใช้งบประมาณมหาศาล ดังนั้นจึงควรจะทำอย่างไรเพื่อให้ลดการใช้งบประมาณ และให้พี่น้องประชาชนมีความสะดวกยิ่งขึ้น
ในวันนี้จึงมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประชามติ ฉบับที่ .. พ.ศ. …. จำนวน 4 ฉบับ ที่เสนอโดยคณะรัฐมนตรี และพรรคการเมืองต่างๆ โดยมีประเด็นที่ต้องการสนับสนุนเพื่อให้การทำประชามติมีความสะดวกมากยิ่งขึ้น คือ
1.พระราชบัญญัติประชามติฉบับใหม่ต้องการลดเงื่อนไขจากเดิมที่ต้องผ่าน 2 ด่านให้เหลือเพียงด่านเดียว นั่นคือ การใช้เสียงเพียงครึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ ไม่จำเป็นต้องมีผู้มาใช้สิทธิ์เกินครึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
2. กำหนดให้การออกเสียงประชามติและการเลือกตั้ง สามารถทำได้ในวันเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือวันเลือกตั้งสมาชิกท้องถิ่น เพื่อประหยัดงบประมาณ และลดขั้นตอนความยุ่งยากและอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชน
“พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนร่างพระราชบัญญัติประชามติฉบับใหม่นี้ เพราะต้องการให้ประชาธิปไตยของประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยที่พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมโดยตรง และเป็นการส่งเสริมประชาธิปไตยแบบทางตรง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปถามพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ถือเป็นสิ่งที่เป็นความก้าวหน้าของพระราชบัญญัติประชามติ ที่จะมีการลงมติรับหรือไม่รับหลักการ ในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 พรรคประชาธิปัตย์ก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มที่” รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว