“เพื่อไทย” ฟาดกลับงบฯ68 ไม่ใช่เป็ดง่อย ยันปลดล็อคประเทศ 6 ด้าน โต้วลี “เจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้” ประเทศต้องไม่เจ๊ง เหน็บ “ก้าวไกล” ถูกศาลสั่งยุบพรรคเจ๊งของจริง
วันที่ 19 มิ.ย.2567 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯสมัยวิสามัญ โดยมีนายมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เป็นจำนวน 272,700 ล้านบาท วาระแรก ต่อมานายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี2568 ไม่ใช่เป็ดง่อย เป็ดขี้เหร่ ตามที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์พูด แต่เป็นการปลดล็อกพันธการประเทศไทย แก้ไขปัญหา 6ด้านคือ 1.ตลาดโตช้ากว่าคู่แข่ง จะผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการบิน การพัฒนาการขนส่งระบบราง การพัฒนาการท่องเที่ยว 2.สังคมไร้ทางถอย จะมีระบบประกันสิทธิขั้นพื้นฐานประชาชน เช่น 30บาทรักษาทุกที่ การลด พักหนี้เกษตรกร 3.การไม่พร้อมเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง จะเตรียมประเทศพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลง เช่น เพิ่มทักษะด้านแรงงานติดอาวุธให้ประชาชน 4.การติดกับดักความกลัวในอดีตจากวิกฤติเศรษฐกิจ การเมืองในอดีต 5.มุมมองคับแคบ ไม่เห็นองค์รวม จะผลักดันดิจิทัลวอลเล็ต อัดฉีดเงินเข้าตลาดให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจขนานใหญ่ 6.ความมั่นคงในชีวิตประชาชนทรุดโทรม จะบูรณาการป้องกันปราบปรามยาเสพติด แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ งบรายจ่ายปี2568 มุ่งเน้นสร้างความยั่งยืนทางเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ขอให้สบายใจการจัดสรรงบอยู่ในเกณฑ์รักษาระเบียบวินัยการเงินการคลัง
“วลีที่ฝ่ายค้านบอกว่า จัดงบปี2568แบบเจ๊งไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้ จึงไม่เป็นความจริง ประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ รัฐบาลอาจยุบสภา นายกฯอาจลาออก แต่ประเทศไทยเจ๊งไม่ได้ แม้ยุบสภา ก็ยังรักษาการณ์อยู่ ประเทศก็ต้องเดินต่อ แต่ตามพจนานุกรม คำว่า เจ๊งหมายถึงสิ้นสุด ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคคือ สิ้นสุดหรือเจ๊งของจริง”นายดนุพร กล่าว