วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“ฝ่ายค้าน”ส่ง“ศิริกัญญา”ถามกระทู้สดศก. ดักคอ“เศรษฐา”แจ้งล่วงหน้าต้องมาตอบเอง
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ฝ่ายค้าน”ส่ง“ศิริกัญญา”ถามกระทู้สดศก. ดักคอ“เศรษฐา”แจ้งล่วงหน้าต้องมาตอบเอง

“ฝ่ายค้าน” ส่ง “ศิริกัญญา” ถามกระทู้สดเศรษฐกิจยิงตรง ”เศรษฐา” “ปกรณ์วุฒิ” ลั่นนายกฯต้องมาตอบเอง ดักคอ แจ้งล้วงหน้าตั้งแต่วันจันทร์แล้ว ชี้อย่าคิดฝ่ายค้านหลอกด่า เชื่อเป็นโอกาสดีได้ชี้แจงกับปชช.

วันที่ 9 ก.ค.2567 เวลา 10.00 น.ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการประชุมสภาฯว่า ในการพิจารณาวันที่ 10 ก.ค.นี้จะมีการพิจารณากฎหมายยกเลิกคำสั่งคสช. เกี่ยวกับจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้วและคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คงจะรับหลักการเห็นชอบตามที่กรรมาธิการพิจารณามา นอกจากนี้ยังมีร่างกฎหมายของครม.อีก 1 ร่าง เกี่ยวกับสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่สส.เป็นผู้ยื่นเอง ตนได้มีการตั้งข้อสังเกตว่า ทุกร่างครม.น่าจะรับกลับไปพิจารณาก่อน 60 วัน แม้กระทั่งร่างของสส.พรรคเพื่อไทย จึงขอตั้งคำถามว่า ที่ผ่านมามีการปิดสมัยประชุมหลายเดือน และทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่าร่างกฎหมายที่จะเข้าสภาหลังเปิดสมัยประชุมมีอะไรบ้าง และเชื่อว่าไม่เกินความสามารถรัฐบาลที่จะรับทราบว่า ร่างกฎหมายฉบับไหนที่จะเข้าสภาเป็นอันดับต้นๆ แต่ก็ยังคงไม่มีความพร้อมในการเตรียมการใดๆ แต่ก็ไม่ได้ผิดข้อบังคับอะไรที่ครม.จะรับร่างไปพิจารณาก่อน 60 วัน จึงขอทวงถาม ต่อการเตรียมความพร้อมกับการยึดโยงระหว่างฝ่ายบริหาร กับ ฝ่ายนิติบัญญัติอีกครั้ง ว่าให้ความสำคัญกับฝ่ายนิติบัญญัติมากแค่ไหน

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ส่วนการตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจาในวันที่ 11 ก.ค.ตนได้แจ้งไปยังวิปรัฐบาลแล้ว ตั้งแต่เย็นวันที่ 8 ก.ค. ว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถามตรงไปยัง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เท่านั้น โดยเป็นการถามเกี่ยวกับมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้นายกฯอาจจะให้ รมว.คลังหรือรมช.คลังมาตอบแทนได้ เพราะเข้าใจว่า จะถามเรื่อง ดิจิทัล วอลเล็ต แต่จริงๆแล้ว มาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่มีแค่นั้น และเรายืนยันว่าต้องเป็นนายกฯเท่านั้นที่มาตอบ ทั้งนี้เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของปัญหาปากท้องของประชาชน แต่จะพูดเรื่องอื่นๆที่เกี่ยวกับปัญหาปากท้องของประชาชน เช่นค่าไฟก็จะต้องเกี่ยวเนื่องกับกระทรวงพลังงาน และมาตรการอีกหลายๆด้านที่จะเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง จึงจำเป็นต้องเป็นนายกฯที่มาตอบ เพราะนายกฯเป็นหัวโต๊ะในการประชุมครม.ชุดเล็ก ที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ

ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า นายกฯเองก็เพิ่งพูดไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าไม่ได้ตั้งใจจะหนี ถ้าว่างก็จะมา และครั้งนี้ท่านรู้อยู่แล้ว ว่าทุกวันพฤหัสบดีช่วงเช้า จะเป็นกระทู้ถามสด ที่ครม. จะต้องมาสแตนบาย แต่จริงๆแล้วไม่ต้องสแตนบายด้วยซ้ำเพราะฝ่ายค้านแจ้งไปอย่างไม่เป็นทางการ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันจันทร์แล้ว ดังนั้นนายกฯและรัฐมนตรี ก็น่าจะสามารถเคลียร์ภารกิจ มาตอบกระทู้ได้ จึงต้องดูว่านายกฯจะทำอย่างที่สัญญาไว้หรือไม่ และหากสัปดาห์นี้ นายกฯยังไม่มาตอบกระทู้ของฝ่ายค้านอีก ก็ต้องตั้งคำถามว่า ท่านจะหลีกเลี่ยงและยื้อการตรวจสอบไปเรื่อยๆหรือไม่ และตนไม่แน่ใจว่าการพิจารณา พ.ร.บ.งบกลางปี นายกฯจะส่งใครมาเป็นผู้ชี้แจงในสภาฯ ซึ่งคาดว่าอาจจะเป็นรมว.คลัง เช่นเดิม

“อยากให้นายกฯมาชี้แจงแถลงไขให้ประชาชนรับทราบ เพราะคิดว่าเป็นเวทีที่สำคัญและเป็นโอกาสที่นายกฯจะสามารถสื่อสารกับประชาชนได้ ผ่านการถามคำถามจากสส. ซึ่งนายฯสามารถสะท้อนกลับมาได้ว่า ครม.กำลังทำอะไรอยู่ นี่เป็นโอกาสที่ดีอย่าคิดว่าเป็นเวทีที่ฝ่ายค้านจะมาฉวยโอกาสหลอกด่า ผมคิดว่าถ้านายกฯ ทำงานอยู่ตลอดเวลา ก็มาชี้แจงได้อยู่แล้วว่าท่านทำอะไรไว้บ้าง เพราะมีหลายเรื่องที่ฝ่ายค้านอยากรู้จริงๆ ไม่ใช่จะหลอกด่า เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ว่าใน ครม. มีการทำอะไรกันบ้าง”นายปกรณ์วุฒิกล่าว

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวถึงการเพิ่มวันประชุมสภาฯว่า มีการเพิ่มวันประชุมมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ในกรณีที่มีญัตติคั่งค้างอยู่จำนวนมาก จึงไม่เข้าใจว่าประธานวิปรัฐบาลไปฟังอันไหนมาถึงบอกว่าฝ่ายค้านจะเพิ่มวันประชุม เป็นพุธ พฤหัสบดี ศุกร์ ทั้งที่การเพิ่มวันศุกร์เกิดขึ้นเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น ซึ่งการประชุมในสมัยนี้ตนก็เสนอแล้วโดยเป็นการพูดคุยกับวิปรัฐบาลอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าขณะนี้มีญัตติ รวมถึงรายงานของคณะกรรมการ ค้างอยู่จำนวนมาก จึงคิดว่าอย่างน้อยๆ ต้องมีการประชุมเพิ่มสัก 1 ครั้งภายในเดือนนี้หรือต้นเดือนหน้าก็ได้ เพื่อที่จะให้สะสางวาระ ที่ค้างอยู่ให้สามารถเดินต่อไปได้

“ผมเสนออย่างนี้ แต่อาจจะไม่ใช่ข้อเสนอที่ต้องทำทันที เพราะเห็นว่ามีหลายประเทศเขามีการจัดการประชุม ใช้วิธีประชุม 5 วันต่อสัปดาห์ แต่ประชุมแค่ 3 สัปดาห์ต่อ 1 เดือน สัปดาห์สุดท้ายให้สส.กลับพื้นที่ ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นทางออกก็ได้ ถ้าเราประชุมสัปดาห์ละ 3-4 วัน แต่ประชุมแค่ 3 สัปดาห์ ต่อ 1 เดือน ซึ่งกลายเป็นเดือนละ 12 วันจากเดิมมีเพียงแค่ 8 วัน ซึ่งจะทำให้สภาฯได้ประชุมเยอะกว่าเดิมและสส.มีเวลาลงพื้นที่ยาวนานกว่าเดิม ผมเห็นว่าวิธีการมีหลายวิธีแต่เราต้องยอมรับว่าหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ควรต้องมาประชุมสภาฯเพราะญัตติต่างๆก็เกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชนโดยตรงเกือบทั้งหมด ทั้งนี้การลงพื้นที่ก็มีความสำคัญ แต่ลงพื้นที่อย่างเดียว แล้วไม่ได้นำมาพูดคุยหรือใช้กลไกต่างๆในสภาฯ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน ปัญหาเหล่านั้นก็ไม่ถูกแก้ไข ดังนั้นต้องจัดสรรให้ดี ไม่ใช่ว่าเพิ่มเวลาประชุมไม่ได้เลย หรือเพิ่มมากจนเกินไป” นายปกรณ์วุฒิกล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img