“อาพัทธ์” โต้ “สมขัย” ยัน สภาฯไม่มีอำนาจตรวจสอบ-รับรองวุฒิการศึกษาของสถาบันในและต่างประเทศ ป้อง “ชวน” ไม่เกี่ยว รับต้องคุยฝ่ายกม.ก่อนเอาผิด ระบุไม่ก้าวล่วงคุณสมบัติ สว. เหตุอยู่คนละฝ่าย
เมื่อวันที่ 15 ก.ค.67 เวลา 09.45 น.ที่รัฐสภา ว่าที่ร.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แถลงถึงกรณีที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า หน้าแรกของเว็บไซต์ของ California University FCE. เคลมว่ารัฐสภาไทยได้ยอมรับปริญญาบัตรของ California University FCE. ว่ามีศักดิ์และสิทธิเทียบเท่าปริญญาบัตรที่ออกโดยมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศไทยทุกประการ ว่า ยืนยันว่าสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีอำนาจที่จะรับรองปริญญาบัตรของสถาบันแห่งใด ทั้งในและต่างประเทศ ส่วนเรื่องคุณสมบัติ หรือหากพิจารณาคุณสมบัติของสส. หรือสว.รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของการศึกษาไว้ เราจึงไม่มีการตรวจสอบในเรื่องนี้ เพียงแค่สมาชิกมารายงานตัวแล้ว สมาชิกก็จะต้องมีการแนบวุฒิการศึกษาในการรายงานตัวเพื่อเป็นข้อมูลประกอบว่ามีการสำเร็จการศึกษา
“สำนักงานเลขาธิการสภาฯจึงไม่ได้มีการตรวจสอบว่าสำเร็จการศึกษาจริงหรือไม่ ดังนั้นเป็นข้อความที่ไม่น่าจะถูกต้อง และยืนยันว่า นายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และอดีตประธานสภาฯไม่เคยใช้อำนาจในการรับรองคุณสมบัติบางมหาวิทยาลัย แต่เคยมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในอดีตที่ผ่านมา มีสมาชิกท่านหนึ่งอภิปรายถึงอาจารย์ที่เป็นบุคคลภายนอก และมีการพาดพิงถึงบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยอาจารย์คนนั้นได้มีการส่งคำร้องมา แต่นายชวนก็ไม่ได้รับรองการมีอยู่ แค่เพียงชี้แจงต่อผู้ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าว”เลขาธิการสภาฯกล่าว
เมื่อถามว่า การแอบอ้างว่ารัฐสภามีการรับรองจะมีความผิดหรือไม่ ว่าที่ร.ต.อาพัทธ์ กล่าวว่า คงต้องถามฝ่ายกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการกับเรื่องดังกล่าวอย่างไรได้บ้าง ส่วนจะฟ้องกลับได้หรือไม่นั้น ก็ต้องมีการพิจารณาในเรื่องของข้อกฎหมาย รอให้ฝ่ายกฎหมายสภาฯพิจารณาก่อน
เมื่อถามว่า คุณสมบัติของน.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. ในฐานะที่เคยเป็นคณะกรรมาธิการ (กมธ.) นั้นจะสามารถย้อนกลับไปตรวจสอบได้หรือไม่ เลขาสภาฯ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นส่วนของวุฒิสภา ตนไม่ขอก้าวล่วง ตอนเป็นกมธ.ไม่ได้ตรวจสอบ เนื่องจากใช้เพียงวุฒิการศึกษาประกอบตรงกันข้ามกับข้าราชการที่จะต้องใช้ปริญญาบัตรเป็นคุณสมบัติ ส่วนจะเป็นการลักลั่นหรือไม่นั้น ก็เป็นประเด็นที่อาจจะทำให้เกิดข้อสงสัยได้
เมื่อถามถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง เช่นเดียวกันนั้นจะมีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นเพื่อเอาผิดหรือไม่ ว่าที่ร.ต.อาพัทธ์ กล่าวว่า อาจจะมีการสอบถามหรือตรวจสอบข้อมูลว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรจากการให้ข้อมูลที่กระทบต่อสภาฯ และหน่วยงานอื่น
