สวนทันควัน! “ศิริกัญญา” เย้ย “3 ขุนคลัง” แถลงเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตไร้ความชัดเจน ไม่มีอะไรใหม่ ชี้วิธีจ่ายเงินยุ่งยาก ไม่บอกวิธีลงทะเบียนแบบออฟไลน์ ยังต้องลุ้นใช้เงินข้ามปีได้หรือไม่
วันที่ 24 ก.ค. 2567 เวลา 13.30 น.ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ให้สัมภาษณ์ภายหลัง นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง แถลงดิจิทัลวอลเล็ต โครงการเพื่อประชาชน พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจ มีข้อสังเกตหรือข้อกังวลอะไรบ้างหรือไม่ ว่า จากการติดตามมีเรื่องใหม่ที่ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน และมีการยืนยันแล้ว มีเพียงแค่เรื่องวันในการลงทะเบียน นอกจากนั้นแล้วยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เลย แม้จะมีการทวงถามจากสื่อมวลชนแล้วก็ตาม
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เรื่องแรกที่อยากจะพูดถึง คือเรื่องผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจ ภายหลังจากเกิดพายุหมุนดิจิทัลวอลเล็ตแล้ว เศรษฐกิจจะโตแค่ไหน ซึ่งนายเผ่าภูมิ ก็ออกมาบอกว่า ไม่สามารถประเมินออกมาเป็นตัวเลขได้ เนื่องจากเป็นโครงการที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก แต่จากที่ตนเข้าไปสังเกตการณ์ในห้องคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 ซึ่งหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งกระทรวงการคลังได้มีการส่งผลที่จะเกิดขึ้นภายหลังโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเข้ามาแล้ว โดยกระทรวงการคลังมีการปรับเป้าหมายจากเดิมที่คาดว่าจะเป็น 1.2% ถึง 1.8% ของจีดีพี เหลือ 0.9% ของจีดีพี ส่วนสภาพัฒน์ ระบุว่า จีดีพีของ ปี 67 โตประมาณ 0.3% ในปี 68 โตขึ้นอีก 0.3% แต่ทางแบงค์ชาติ บอกว่า ปี 67 โต 0.3% ปี 68 โต 0.2% รวมตลอดโครงการ โตประมาณ 0.9% ซึ่งข้อมูลทั้งหมดก็ออกมาตรงกันว่า ไม่สามารถกระตุ้นได้ถึง 1% ของจีดีพี ซึ่งอาจจะเป็นเพราะมีการปรับลดตัวเป้าหมาย หรือแหล่งที่มาของเงินกู้ พอกลับไปใช้ในเงินงบประมาณ ทำให้ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ได้มีมากเท่าที่ควร
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ส่วนประเด็นความไม่ชัดเจนของแหล่งที่มาของเงินนั้น ก็มีการถามย้ำว่า การบริหารงบประมาณคืออะไรกันแน่ ทั้งที่มีการบริหารงบ ปี 67 และปี 68 ด้วย แต่นายจุลพันธ์ก็ไม่ได้ให้ความชัดเจน สำหรับเรื่องปัญหาในข้อกฎหมาย ในส่วนงบเพิ่มเติมที่จะต้องใช้ภายในปีงบประมาณ ก็มีการถกกันว่า จะต้องใช้เป็นงบรายจ่ายประจำปีทั่วไป กันเงินเอาไว้เบิกเหลื่อมปี ถ้าปี 67 ใช้ไม่หมด ได้หรือไม่ ซึ่งตัวแทนจากสำนักงานกฤษฎีกาก็ให้ความเห็นว่า สามารถกระทำได้ เนื่องจากได้เกิดนิติสัมพันธ์ ถือว่าผูกพันสัญญาแล้ว แต่เมื่อ กมธ.ในสัดส่วนพรรคก้าวไกลแย้งไปว่า จะเรียกว่าเป็นสัญญาได้อย่างไร ในเมื่อผูกพันธ์ลักษณะการตอบแทน ไม่ใช่สัญญาที่ต้องเซ็นยินยอมทั้งสองฝั่ง ซึ่งก็ไม่มีหน่วยงานใดสามารถตอบได้เลย ว่าเป็นสัญญาประเภทใด เหมือนคิดขึ้นมาใหม่ แบบไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศนี้มาก่อน
“สิ่งที่ต้องติดตามกันต่อคือ สรุปแล้วจะสามารถใช้เงินข้ามปีได้หรือไม่ หากไม่ได้งบเพิ่มเติมที่จะต้องมีการอนุมัติกันในวาระ2 และวาระ 3 ก็คงต้องใช้ให้หมดภายในวันที่ 30 ก.ย.นี้ หากใช้ไม่ทัน ก็มีสิทธิ์ที่จะใช้ข้ามปีไม่ได้ และต้องใช้วิธีการอื่นในการทำ ซึ่งก็มี 2 ทาง คือแจกเลยเป็นเงินสดภายใน 30 ก.ย.นนี้ โดยที่ระบบยังไม่เสร็จ หรือจะแจกพร้อมกันหมด ก็อาจจะต้องพับเงินก้อนนี้ไป เพราะใช้ไม่ได้แล้ว ต้องหาเงินก้อนอื่น ซึ่งทางปลัดกระทรวงฯ ก็ออกมาบอกว่า อาจจะกลับไปใช้มาตรา 28 ก็เป็นได้ เท่ากับว่าทุกอย่างยังคงลื่นไหลไม่นิ่งไม่แน่ไม่นอน”น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวถึงการถกเถียงกันเรื่องรายจ่ายการลงทุนว่าจะเป็น 80% ได้อย่างไร ซึ่งสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ก็พยามที่จะอธิบายเต็มที่ว่า เป็นรายจ่ายลงทุนจริงๆ แต่เท่าที่เราดูแล้ว กลับมาจากสมมุติฐานเสียมาก ไม่ได้มาจากข้อเท็จจริง หรือผลสำรวจแต่อย่างใด หากจะตั้งเป้าหมายแบบนั้น ก็เป็นรายจ่ายลงทุนได้อย่างมาก 50% เท่านั้น อย่างไรก็ต้องดูเรื่องสัดส่วนอีกทีว่าจะเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวถึงระบบลงทะเบียนว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากมีการจัดซื้อจัดจ้างไปแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา แต่ปัญหาคือระบบจ่ายเงินที่มีความซับซ้อนมาก เพราะต้องสร้างกระเป๋าเงินอีกหนึ่งอัน เพื่ออยู่ในแอพพลิเคชั่นของธนาคารต่างๆ แล้วจึงให้เรามาใช้ ซึ่งเราก็ได้ขอดูทีโออาร์ไปแล้วว่า มีการกำหนดไว้อย่างไรบ้าง แต่ปรากฏว่าทีโออาร์ไม่สามารถให้ได้ เพราะเป็นการจัดซื้อจัดจ้างแบบคัดเลือก ส่วนหนังสือเชิญชวนก็ยังร่างไม่เสร็จ จึงไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะทำอย่างไรให้เสร็จทัน เพราะยังต้องส่งต่อให้กับหน่วยงานอื่นอีก แล้วเงินที่จ่ายไปจะปรากฏอยู่ในกระเป๋าเงินดิจิทัลจริงใช่หรือไม่ ไม่มีการตกหล่นหายระหว่างทางใช่หรือไม่
“ตั้งข้อสังเกตว่า ระยะเวลากว่าเดือนครึ่งในการลงทะเบียนสำหรับผู้ที่มีสมาร์ทโฟน อาจจะเป็นเพราะอยากให้คนมีการลงทะเบียนแบบออฟไลน์น้อยที่สุด แต่ก็ยังไม่มีการบอกรายละเอียดการลงทะเบียนแบบที่ไม่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งก็คิดว่าคงไม่มีผลต่อการกระตุ้นให้เกิดการใช้สมาร์ทโฟน” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว และปฏิเสธที่จะให้คะแนนในการแถลงข่าวครั้งนี้ เพราะรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่า จะมีการแบ่งแถลงสามครั้ง ครั้งนี้เป็นการแถลงโดยรัฐมนตรี ซึ่งจะให้นายกรัฐมนตรีมาแถลงภายหลัง เท่ากับว่ายังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก แต่มีอะไรที่พูดได้ก็พูดไปก่อน ดังนั้น เมื่อไม่คาดหวัง จึงไม่ผิดหวัง