วันศุกร์, พฤศจิกายน 29, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight‘CPF’เท‘อนุฯกมธ.’แจงเคส‘หมอคางดำ’ ‘ณัฐชา’จี้รัฐฟ้องฐานทำลายระบบนิเวศน์
- Advertisment -spot_imgspot_img

‘CPF’เท‘อนุฯกมธ.’แจงเคส‘หมอคางดำ’ ‘ณัฐชา’จี้รัฐฟ้องฐานทำลายระบบนิเวศน์

“CPF” เท “อนุฯกมธ.” หมอคางดำ “ณัฐชา” เผยไม่เชิญแล้ว แต่สัปดาห์หน้าเชิญ “สนง.กฤษฎีกา-หน่วยงานประเมินความเสียหายสิ่งแวดล้อม” เพื่อแนะให้รัฐฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการทำลายระบบนิเวศน์ เรียกร้องรัฐบาลแสดงความจริงใจในการแก้ไขปัญหา หนุนญัตติตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษา

เมื่อวันที่ 25 ก.ค.67 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะรองประธานอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาสาเหตุและแนวทางแก้ไขปัญหา รวมถึงผลกระทบจากการนำเข้าปลาหมอคางดำ เพื่อการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์ในราชอาณาจักรไทย หรือ อนุกรรมาธิการศึกษาปัญหาปลาหมอคางดำ เปิดเผยว่าในการประชุมวันนี้ได้เชิญตัวแทนจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือ CPF เพื่อมาชี้แจงต่อกรรมการถึงข้อโต้แย้งจากกรมประมงที่ให้เอกสารหลักฐานต่อกรรมาธิการกรรมาธิการ ซึ่งล่าสุดทางบริษัทเอกชนได้ส่งหนังสือแจ้งว่าไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ แต่ได้ส่งเอกสารแนบเป็นหนังสือข้อมูล ซึ่งเป็นข้อมูลชุดเดียวกับกรมประมงโดยไม่ได้มีข้อมูลอะไรเพิ่มเติม

“เวทีที่ท่านสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจได้ คือเวทีของสภาผู้แทนราษฎร แต่หากเลือกที่จะแถลงข่าว เพียงมีสำนักข่าวไม่กี่สำนัก ขาดการโต้แย้งสอบถาม อาจจะสร้างความเคลือบแคลงสงสัยให้กับประชาชนมากขึ้น” นายณัฐชากล่าว

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า ตามอำนาจของกรรมาธิการฯ ทำได้เพียงขอความร่วมมือเท่านั้น แต่ไม่ได้รับความร่วมมือ และเมื่อขอข้อมูลไปแล้ว แต่ไม่ได้รับข้อมูล จึงต้องสรุปตามข้อมูลที่มีอยู่ โดยเป็นข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐที่เชื่อถือได้ จากกรมประมงกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่จะมีการเสนอแก้ไขราชบัญญัติคำสั่งเรียก เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการเชิญบริษัทเอกชนเข้ามาชี้แจงต่อกรรมาธิการ โดยในสัปดาห์หน้าจะเชิญสำนักงานกฤษฎีกา เข้ามาให้คำแนะนำหน่วยงานของรัฐในการฟ้องร้อง พร้อมกับเชิญหน่วยงานที่จะประเมินมูลค่าความเสียหายต่อระบบนิเวศน์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ถือว่ามูลค่ามหาศาล เพราะปลาสายพันธุ์นี้ได้ทำลายชีวิตของประชาชนและเกษตรกรนับไม่ถ้วน

นายณัฐชา กล่าวอีกว่า สิ่งที่กรมประมงได้ชี้แจง และให้ข้อมูลไว้สามารถยืนยันได้ว่า เป็นการทำผิดเงื่อนไขของคณะกรรมการอนุญาตนำเข้าสายพันธุ์ปลา แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุต้นตอของการแพร่ระบาดได้เนื่องจาก มีดีเอ็นเอของปลาในปี 2565 ยังไม่ได้มีดีเอ็นเอ ต้นทางในปี 2554 ทำได้เพียงการสันนิษฐาน และมีเพียงบริษัทเดียวที่นำเข้าปลาสายพันธุ์นี้ โดยในวันนี้จะมีการเสนอญัตติด่วนด้วยวาจา หลังจากที่ประธานวิฝ่ายค้านได้หารือกับวิปรัฐบาล และได้จัด สส.พรรคก้าวไกล 13 คนนำพยานหลักฐานมาอภิปรายชี้เห็นถึงปัญหา เนื่องจากว่าอนุกรรมการได้ทำเต็มความสามารถและอำนาจหน้าที่แล้ว

“เราจึงเสนอญัตติด่วนด้วยวาจาเพื่อเสนอไปยังรัฐบาลว่า การระบาดครั้งนี้เป็นการระบาดครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการแพร่ระบาดของสัตว์น้ำรุกรานเกษตรกร สิ่งที่เกิดขึ้นมูลค่าความเสียหายยังประเมินไม่ได้ แต่เกษตรกรตายราย ท่านจะอยู่นิ่งเฉยแล้วรอกันแก้ไข หรือรอคนมีจิตสำนึกมาช่วยแก้ไขปัญหาไม่สามารถทำได้อีกต่อไป วันนี้อนุกรรมาธิการทำเป็นรูปธรรม ที่สุดแล้วสิ่งที่จะส่งต่อคือการยื่นญัตติด่วนส่งข้อเสนอแนะข้อมูลไปถึงรัฐบาลและดูว่านายกรัฐมนตรีจะมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด” นายณัฐชากล่าว

นายณัฐชา กล่าวต่อว่า การนำเข้าสายพันธุ์ปลา “เก๋าหยก” ของบริษัทเอกชนรายเดิม จึงห่วงปัญหาว่าจะมีการหลุดรอดมายังแหล่งน้ำธรรมชาติอีกหรือไม่ ซึ่งทางกรมประมงยืนยันว่าหากมีการหลุดรอดในแหล่งน้ำสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ทันที เพราะการนำเข้ามีการเก็บดีเอ็นเอไว้แล้ว แต่ตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดปลาหมอคางดำ จึงมีความพยายามไม่ให้สืบหาสาเหตุของการหลุดรอด ขณะเดียวกันการแพร่ระบาดเมื่อปี 2555 แพร่ระบาดในตำบลเดียวกันอำเภอเดียวกัน จังหวัดเดียวกัน เชื่อว่าเป็นประเด็นที่กรมประมงจะตั้งคณะกรรมการดำเนินการหาความจริงตั้งแต่ครั้งนั้น แต่ล่าสุดเมื่อวันอังคารที่ 23 ก.ค. ทางกรมประมงได้ส่งรายงานให้อนุกรรมมาธิการ เกี่ยวกับการสำรวจในแล็บเอกชนของบริษัท CPF ในปี 2560 ในเดือนส.ค. ที่มีการสอบถามข้อเท็จจริงในการนำเข้า แต่ปรากฏเจ้าหน้าที่ในแล็บแจ้งว่ามีการยกเลิกโครงการแล้ว เนื่องจากปลาตายทั้งหมด แต่มีการสุ่มตรวจในบ่อพักน้ำโดยการหวานแห พบว่าเจอปลาหมอคางดำ 10 ตัว ขนาด 7 เซนติเมตร มีอายุ 1 ปีหรือ 1 ปีกว่าแล้ว โดยไม่ได้มีรายงานในการกำจัดปลา ซึ่งตั้งแต่ครั้งนั้นยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินคดี คิดว่าหน่วยงานของรัฐควรดำเนินการอย่างจริงจังอย่างถึงที่สุด และกรมประมงในฐานะตัวแทนของประชาชนต้องเป็นคนกลางสู้คดีฟ้องร้องดำเนินคดี

“ทางกรมประมงจะต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้มากขึ้น ซึ่งขณะนี้อนุกรรมธิการได้ทำตามหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วสุดความสามารถในการดำเนินการ วันนี้ไหนที่ประชุมจะเรียนต่อประธานกรรมาธิการเพื่อสรุปข้อมูล” นายณัฐชากล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img