วันอังคาร, กันยายน 17, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“โรม”วอนอย่าโฟกัส“ก้าวไกล”ถูกยุบ มั่นใจในข้อกฎหมาย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“โรม”วอนอย่าโฟกัส“ก้าวไกล”ถูกยุบ มั่นใจในข้อกฎหมาย

“โรม” วอนอย่าโฟกัส “ก้าวไกล” ถูกยุบ มั่นใจในข้อกฎหมาย-เพื่อนสส.จะอยู่กับพรรคต่อทุกคน อัด พ.ศ.นี้ยุบพรรคโดยศาลควรหมดไปได้แล้ว ยันพรรคสำรอง -“ศิริกัญญา”พร้อมนั่งหน. แค่เตรียมทั่วไป ชี้คดีนายกฯ ไม่ควรใช้กลไกศาลตัดสิน ต้องใช้กระบวนการเมือง จวก “ทักษิณ” สุดท้ายไม่ได้กลับมาเลี้ยงหลาน แต่เข้ามามีบทบาทการเมือง บอกพระอาทิตย์2ดวงจะอยู่กันยังไง ขรก. ต้องฟังใคร “จันทร์ส่องหล้า” หรือ”เศรษฐา”

เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 67 เวลา 08.30 น.ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงคดียุบพรรคก้าวไกลที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย 7 ส.ค.ว่า ถือเป็นวันสำคัญกับพรรคก้าวไกลอย่างมาก และเราเชื่อมั่นว่าถ้าว่ากันตามข้อกฎหมาย พยานหลักฐานต่างๆกระบวนการต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่น่าจะนำไปสู่การยุบพรรคได้ หวังว่าจะเกิดขึ้นแบบนี้ แต่ด้วยความที่เป็นคดีสำคัญและเป็นคดีความที่สังคมเองก็จับตามอง เพราะพรรคก้าวไกลในปีพ.ศ.นี้เป็นพรรคที่มีขนาดใหญ่มากที่สุดในสภาได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนกว่า 14 ล้านคน ดังนั้นการที่พรรคการเมืองถูกยุบง่ายๆ ไม่ใช่สิ่งที่สังคมไทยอยากเห็น สังคมไทยเห็นการยุบพรรคมามากมายพอแล้ว และพบแต่เรื่องความขัดแย้งใหม่ การยุบพรรคการเมืองควรหมดไปได้แล้วจากพ.ศ.นี้ จึงคาดหวังวันที่ 7 ส.ค.นี้ จะเป็นวันที่สังคมไทยจะไม่มีการยุบพรรคอีกต่อไป

เมื่อถามว่า การเตรียมพรรคสำรองหากศาลยุบพรรคก้าวไกลจริง และได้เช็คชื่อ สส. ของพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องการเตรียมเชื่อว่าเราสามารถดูได้จากพรรคการเมืองต่างๆที่เคยถูกยุบ รวมถึงพรรคอนาคตใหม่ที่ถูกยุบไม่ใช่เรื่องที่ทุกฝ่ายคาดหมายได้ยาก ว่าเราต้องจัดการอย่างไร แต่สิ่งสำคัญที่พรรคก้าวไกลอยากบอกสังคมคือการยุบพรรคไม่ควรเกิดขึ้นอีกต่อไป เพราะพรรคการเมืองเกิดขึ้นได้มีสิทธิ์มีเสียง เพราะประชาชนให้การสนับสนุน ดังนั้นหากพรรคการเมืองถูกทำลายลงไม่สามารถมีพื้นที่ต่อไปในสังคมหรือในวงการการเมืองได้ก็ควรจะมาจากการที่ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ขอให้การยุบพรรคเกิดขึ้นโดยประชาชน

“การยุบพรรคโดยกระบวนการศาลสำหรับผมในพ.ศ.นี้ควรจะหมดไปได้แล้ว เราควรที่จะให้ประชาชนเป็นคนวินิจฉัยเองว่านโยบายแบบไหน พรรคการเมืองแบบไหน ที่เขาต้องการ” นายรังสิมันต์ กล่าว

เมื่อถามว่า น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความพร้อมจะเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เป็นแค่การพูดถึงความพร้อมทั่วไป เท่านั้นแต่เบื้องต้นวันที่ 7 ส.ค.นี้อยากให้สังคมโฟกัส ว่าไม่ควรมีการยุบพรรคอีกแล้ว

“วันนี้การยุบพรรคยังมาไม่ถึง แต่ทุกคนพูดเหมือนกับว่าพรรคจะต้องถูกยุบแน่ ยังไงก้าวไกลก็คงต้องถูกยุบแน่นอน ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ผู้มีอำนาจอยากให้เป็นแบบนี้ สุดท้ายการทำงานการเมืองอยู่บนพื้นฐานความกลัวการทำนโยบายต่างๆไม่สามารถทำได้เต็มที่ สุดท้ายนโยบายหลายอย่าง ต้องไปดูข้อจำกัดทางด้านกฎหมาย ไม่ใช่ทำนโยบายต่างๆได้ ต้องทำทุกอย่างถูกต้องตามขั้นตอนและกระบวนการเมื่อศาลมีคำวินิจฉัยให้หยุดการกระทำแล้วก็ไม่มีการกระทำใดที่บอกได้ว่าเรามีการกระทำใดเพิ่มเติมที่นำไปสู่การยุบพรรค เราไม่ได้ละเมิดกฎหมายใดๆเมื่อไปดูกระบวนการของกกต. ก็มีปัญหาจริงๆแต่วันนี้สังคมมาโฟกัสก้าวไกลถูกยุบ เราเองอาจจะโฟกัสก้าวไกลถูกยุบจนลืมไปว่ามีการใช้อำนาจวิธีการบางอย่างที่อาจไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเปล่า แล้วทำให้บุคคลเหล่านี้ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย อยากให้สังคมช่วยกันโฟกัสและช่วยกันไปดู ว่ากระบวนการที่กกต. ทำไปถูกต้องหรือไม่เรารับฟังสิ่งที่นายชัยธวัชแถลง ต่อสื่อมวลชนและมีอัพเดทมาเป็นระยะ โดยคำถามที่สำคัญคือกระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นกระบวนการที่ชอบด้วยกฎหมายให้ความเป็นธรรมกับเราในฐานะพรรคการเมืองและให้ความเป็นธรรมกับประชาชนที่เลือกตั้ง 14 ล้านเสียงหรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า ยังมั่นใจในข้อกฎหมายและเพื่อนสส.ก้าวไกลที่จะอยู่กับพรรคต่อทุกคน

เมื่อถามว่า ในเดือนส.ค.มีหลายคดี จะมีแรงกระเพื่อมทางการเมืองอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่ากรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตนในฐานะพรรคฝ่ายค้านไม่สนับสนุนให้เป็นนายกฯแต่เมื่อเป็นแล้ว จะสิ้นสุดความเป็นนายกฯก็ไม่ควรเป็นโดยกลไกที่ใช้ศาล ซึ่งกรณีตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีนั้นส่วนตัวมองว่าไม่เหมาะสม ด้วยข้อครหาที่เกิดขึ้น แต่จะถึงขนาดว่านายกรัฐมนตรีจะต้องพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้เลยหรือไม่ก็อาจจะเกินไป ตนยังคิดว่าสุดท้ายควรใช้กระบวนการทางการเมือง เมื่อตั้งคนที่ไม่เหมาะสมไม่มีคุณสมบัติที่ดีพอเป็นรัฐมนตรีประชาชนก็ควรที่จะได้สิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์และมีมาตรการทางการเมืองตามมา ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุด

เมื่ถามว่า ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเดือนส.ค.และมีสมการของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมาเกี่ยวข้องนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทุกช่วง เราก็เห็นว่าสุดท้ายนายทักษิณไม่ได้กลับมาเลี้ยงหลาน แต่เข้ามามีบทบาททางการเมือง มากขึ้นเรื่อยๆ แล้วไม่ทราบว่าสุดท้ายจะไปสุดที่ตรงไหน ทั้งนี้เห็นว่าพระอาทิตย์มีดวงเดียว ถ้าจะมีพระอาทิตย์ 2 ดวงก็ไม่รู้จะอยู่กันยังไง มันเป็นความยากที่รัฐบาลเศรษฐาต้องบริหารจัดการ เพราะความยากตรงนี้หมายถึงบรรดาข้าราชการต่างๆ ที่อยู่ภายใต้รัฐบาลนี้ควรต้องคิดแล้วว่าต้องฟังใคร จะมองไปที่บ้านจันทร์ส่องหล้าหรือมองไปที่คำสั่งของนายเศรษฐาเราไม่รู้ว่าตอนนี้ใครมีอำนาจที่แท้จริงในรัฐบาลชุดนี้

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img