วันอังคาร, กันยายน 17, 2024
spot_img
หน้าแรกNEWS“จุลพงศ์” ฉะ “คารม” ไร้วุฒิภาวะ มีอคติส่วนตัว ลั่น "ก้าวไกล" มีสิทธิ์ต่อสู้ไม่ได้ละเมิดอํานาจศาล
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“จุลพงศ์” ฉะ “คารม” ไร้วุฒิภาวะ มีอคติส่วนตัว ลั่น “ก้าวไกล” มีสิทธิ์ต่อสู้ไม่ได้ละเมิดอํานาจศาล

“จุลพงศ์” ฉะกลับ “คารม” ไร้วุฒิภาวะมีอคติส่วนตัว จี้ “นายกฯ” ทบทวนการทำงาน ลั่น “ก้าวไกล” มีสิทธิ์ต่อสู้ไม่ได้ละเมิดอํานาจศาล

วันที่ 5 ส.ค.2567 ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล แถลงตอบโต้นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกรัฐบาล ที่ออกมาระบุว่า หัวหน้าพรรคและพรรคก้าวไกลหลายประการ ในการต่อสู้ทางกฎหมายในคดียุบพรรคก้าวไกล ว่า การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวเกิดจากความมีอคติส่วนตัวและความไม่เป็นมืออาชีพ ซึ่งการต่อสู้เรื่องอำนาจศาลที่กำลังพิจารณาคดี ในคดีใดคดีหนึ่ง ว่าศาลนั้นไม่มีอำนาจในการพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นการต่อสู้คดีโดยปกติ ที่ฝ่ายที่ถูกร้องสามารถยกขึ้นมาต่อสู้คดีได้ ทุกคดีในศาล การยกเรื่องดังกล่าว ไม่ถือเป็นการละเมิดอำนาจศาลแต่อย่างใด ซึ่งมีคดีในศาลจำนวนมากที่ศาลยกฟ้องด้วยเหตุที่มีการฟ้องผิดศาล หรือผู้ร้องไปฟ้องต่อศาลที่ไม่มีอำนาจพิจารณาคดี

“การที่พรรคก้าวไกลยกข้อต่อสู้ประเด็นว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจพิจารณาคดียุบพรรคก้าวไกลจึงเป็นเรื่องปกติ ตรงกันข้ามการที่ผู้ประกอบวิชาชีพกฎหมาย แต่พูดชี้นำศาลรัฐธรรมนูญว่าการยกข้อต่อสู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจพิจารณาคดีเป็นการละเมิดอำนาจศาลเช่นนี้ หากไม่ใช่การมีความรู้อันจำกัดของผู้ประกอบการวิชาชีพกฎหมายแล้ว น่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยมีอคติส่วนตัวกับพรรคก้าวไกล”นายจุลพงศ์ กล่าว

เมื่อถามว่าการต่อสู้ของพรรคในเรื่องที่ กกต. ดำเนินกระบวนการไม่ถูกต้องตาม พ.ร.ป. พรรคการเมืองและระเบียบ กกต. ในเรื่องการรวบรวมพยานหลักฐานนั้น นายจุลพงศ์ กล่าวว่า กกต. ไม่ได้เรียกไห้พรรคก้าวไกลได้มีโอกาสให้ข้อเท็จจริงหักล้างข้อกล่าวหา ตนขอชี้แจงว่าเป็นการต่อสู้ของพรรคก้าวไกลในวิธีพิจารณาของ กกต. ก่อนที่ กกต. จะยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ขั้นตอนการรวบรวมและรับฟังพยานก่อนฟ้องคดีนั้น เป็นเรื่องที่สำคัญมากในการดำเนินคดี

นายจุลพงศ์ ยังชี้แจงกรณีการใส่ร้ายว่าพรรคก้าวไกลดึงต่างประเทศมากดดันศาลรัฐธรรมนูญ ว่าเป็นเรื่องที่บุคคลที่มีความคิดเช่นนี้ขาดวุฒิภาวะ ในความเข้าใจสภาพสังคมไทยในปัจจุบัน ที่ประเทศไทยไม่สามารถอยู่โดดเดี่ยวในสังคมโลกนี้ได้ คุณค่าของสังคมโลกในขณะนี้อยู่ที่การมีสิทธิมนุษยชนและสิทธิทางการเมืองของประชาชน ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีผลต่อการลงทุนในความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสิ้น

“การที่รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีออกมาแสดงความคิดเห็นที่สื่อได้ว่าสมควรยุบพรรคก้าวไกลนั้น ผมคิดว่านายกรัฐมนตรีสมควรทบทวนการทำงานของรองโฆษกคนนี้ ว่าได้แสดงความคิดเห็นแบบมืออาชีพของการเป็นโฆษกรัฐบาลหรือไม่ เพราะไม่ได้บอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัวโดยไม่ใช้ความเห็นของรัฐบาล มิฉะนั้นประชาชนจะเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีเห็นด้วยกับการยุบพรรคการเมืองเหมือนเช่นที่เคยเกิดกับพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน” นาจุลพงศ์ กล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img