มติ “ก.พ.ค.ตร.” ชี้ขาดคำสั่งให้ “บิ๊กโจ๊ก” ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ให้ยกอุทธรณ์ ขณะที่ “เจ้าตัว” เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครองสูงสุดต่อภายใน 90 วัน
เมื่อวันที่ 6 ส.ค.67 คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ หรือ “ก.พ.ค.ตร.” ที่มีนายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคล ในศาลปกครองสูงสุด เป็นประธาน ได้มีการเผยแพร่มติเกี่ยวกับการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ร้องทุกข์ของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยระบุว่า คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) ได้ประชุมพิจารณาวินิจฉัยคดีที่เป็นที่สนใจและมีคำวินิจฉัยเรื่องอุทธรณ์ของพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) โดยได้ส่งคำวินิจฉัยไปให้ผู้อุทธรณ์และคู่กรณีในอุทธรณ์ทราบ ซึ่งปรากฎหลักฐานว่า คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้รับคำวินิจฉัยแล้ว
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ได้อุทธรณ์ว่าคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2567 ที่สั่งให้ผู้อุทธรณ์ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ พิจารณาและวินิจฉัยให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว และมีคำขออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากกรณีนี้เป็นที่สนใจของประชาชน มีการนำเสนอความเห็นผ่านสื่อสารมวลชนจำนวนมาก โดยมีความเห็นที่หลากหลายแตกต่างกันทั้งในข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่างกว้างขวาง
ก.พ.ค.ตร.ได้พิจารณาวินิจฉัยตามอำนาจหน้าที่ตามที่กฎหมายบัญญัติ และตามกฎ ก.พ.ค.ตร.ว่าด้วยอุทธรณ์และการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ พ.ศ.2567 ซึ่งกำหนดให้ใช้วิธีการไต่สวนและได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริง โดยคู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้ทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ และมีโอกาสได้โต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนแล้ว
ข้อเท็จจริงตามอุทธรณ์ คำขอคุ้มครองชั่วคราว คำชี้แจงของผู้อุทธรณ์ คำแก้อุทธรณ์ของคู่กรณีในอุทธรณ์ คำชี้แจงและเอกสารที่เกี่ยวข้องของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย และการแถลงด้วยวาจาของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายรับฟังได้ว่า ผู้อุทธรณ์ได้ถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดอาญา และถูกตั้งกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง คู่กรณีในอุทธรณ์ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาผู้ออกคำสั่งอาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาตรา 105 มาตรา 107 มาตรา 1331 และมาตรา 179 ประกอบกฎ ก.พ.ค.ตร. ว่าด้วยการสั่งพักราชการและออกจากราชการไว้ก่อน พ.ศ.2567 ออกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
วินิจฉัยว่า คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 178/2567 ลงวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2567 เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ ที่กฎหมาย และกฎ ก.ตร. กำหนด และเป็นการใช้ดุลยพินิจที่เหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย
วินิจฉัยยกอุทธรณ์และยกคำขอกำหนดวิธีการชั่วคราวของผู้อุทธรณ์
ทั้งนี้ หากผู้อุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. มีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด โดยวิธีการยื่นฟ้องต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของศาลหรือยื่นฟ้องโดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนภายในระยะเวลา 90 วันนับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยนี้
ด้าน พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ทราบว่า ผลออกมาเป็นอย่างไร ยังไม่ได้รับผลคำวินิจฉัย อยู่ระหว่างรอ และไม่ทราบว่า เมื่อวานนี้ ก.พ.ค.ตร. มีการประชุมลับจนถึงเกือบเที่ยงคืน พร้อมยืนยันหากผลออกมาเป็นลบ หรือคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนชอบด้วยกฎหมาย ก็จะยื่นศาลปกครองสูงสุดต่อภายใน 90 วัน
สำหรับ ก.พ.ค.ตร. 7 คน ประกอบด้วย 1.นายสมรรถชัย วิศาลาภรณ์ เป็นประธาน (ประธานแผนกคดีบริหารงานบุคคล ในศาลปกครองสูงสุด) มีกรรมการประกอบด้วย 2.นายธวัชชัย ไทยเขียว (อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม) 3.พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี (อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม, อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ, อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) 4.นายวันชาติ สันติกุญชร (อธิบดีอัยการสำนักงานคณะกรรมการอัยการ, อัยการอาวุโส) 5.พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ (อดีต ผู้ช่วย ผบ.ตร.) 6.พล.ต.อ.อำนาจ อันอาตม์งาม (อดีต ที่ปรึกษา (สบ10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ) และ 7.พล.ต.ท.ปัญญา เอ่งฉ้วน เป็นกรรมการและเลขานุการ (อดีตผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ)