วันเสาร์, พฤศจิกายน 23, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“จตุพร”เชื่อ“ทักษิณ”เดินสู่“คิลลิ่งโซน” จับตาเกมสอบ“ป่วยทิพย์”-ไม่หนีก็คุก!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“จตุพร”เชื่อ“ทักษิณ”เดินสู่“คิลลิ่งโซน” จับตาเกมสอบ“ป่วยทิพย์”-ไม่หนีก็คุก!

“จตุพร” แนะปชช.ยังไม่ต้องออกแรงลงถนน เหตุ “ทักษิณ” เดินเข้าสู่เกม “คิลลิ่งโซน” เอง เมื่อดันลูกสาว “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ เสี่ยงถูก “อำนาจบางฝ่าย” ล้างเผ่าพันธุ์ “ชินวัตร” ให้เรียบ ให้จับตา “ป.ป.ช.” รับลูก “กสม.” เดินเกมสอบ “ทักษิณป่วยทิพย์” เชื่องานนี้อาการหนัก มีทางเลือกเพียง “หนี” หรือ “เข้าคุก”

เมื่อค่ำวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ระบุว่า การตั้งรัฐบาลภายใต้เสียงเห็นชอบ 319 เสียงให้ “อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร” ลูกสาวนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯ เปรียบเหมือนกับ “น้ำกรดแช่เย็น” เพราะเริ่มก้าวไปสู่เป้าหมาย เกมปัดกวาดล้าง “ตระกูลชินวัตร” จาก “อำนาจทางการเมือง”

นายจตุพร กล่าวว่า 6 เสียงของ สส.พรรคไทยสร้างไทย จากฝ่ายค้าน ที่ร่วมลงมติเห็นชอบให้ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ เป็นเพียงปรากฎการณ์ที่ “ทักษิณ” ต้องการจะฉีกหน้า “คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” และพรรคไทยสร้างไทยทั้งหมด ดังนั้นการแหกโผของ สส.ไทยสร้างไทย จึงไม่ใช่เรื่องเสียง เพราะเสียงพรรคร่วม มีมากเกินความต้องการให้ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯอยู่แล้ว

“แม้พรรคไทยสร้างไทยไม่มี สส.สักคนก็ยังมีความยิ่งใหญ่ เพราะความยิ่งใหญ่ไม่ได้อยู่ที่จำนวนคน แต่อยู่ที่จุดยืนทางการเมือง” นายจตุพร กล่าวและว่า วันนี้สภาเห็นชอบให้ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ (และรอโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง) ดูเหมือนเป็นชัยชนะเบ็ดเสร็จของ “ทักษิณ” ผู้เป็นพ่อและเจ้าของพรรคเพื่อไทย แต่แกนนำพรรคร่วมฯกลับมีสีหน้ากังวลกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แต่อะไรจะเกิดขึ้นตามมา ขออย่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน

นายจตุพร เชื่อว่า สิ่งที่น่าจับตาอนาคตการเมืองมากที่สุด ไม่ใช่ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ ที่ไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ควรใส่ใจกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำหนังสือขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดชั้น 14 รพ.ตำรวจ ในช่วงที่ “ทักษิณ” ได้อภิสิทธิ์ชนพักรักษาตัวถึง 6 เดือน โดยการขอตรวจสอบของ ป.ป.ช. เพราะคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบการรักษาที่ รพ.ตำรวจ เป็นการเอื้อประโยชน์ช่วยเหลือนักโทษไม่ต้องติดคุก ดังนั้นหากการตรวจสอบพบว่า มีความผิดจริง ย่อมทำให้ตัวการรับโทษ ม.157 ส่วนคนร่วมทำผิดเจอคดี ม.149 จากปรากฎการณ์นี้สะท้อนว่า เป้าหมายสำคัญอยู่ที่จัดการ “ทักษิณ” และต้องการกวาด “ชินวัตร” ให้เรียบราบจากการเมืองไทย

“ถ้าพิสูจน์ว่า ทักษิณไม่ได้ป่วยวิกฤตและไม่ได้ติดคุกจริง ถือเป็นการกระทำขัดพระบรมราชโองการ การถวายฎีกาขออภัยโทษเป็นการกราบบังคมทูลเท็จ สิ่งนี้เท่ากับบีบคั้นให้ทักษิณ เข้าเป้าหมายหมากตัวสุดท้าย ลากอุ๊งอิ๊งมาอยู่ในเขตคิลลิ่งโซน (killing zone) เพราะต้องการอำนาจนายกฯมาช่วยตัวเอง”นายจตุพร กล่าวและว่า ครอบครัวชินวัตร คงมีความกังขาและผิดสังเกตในการเดินหมากทางการเมืองของ “บางฝ่ายอำนาจ” มาก่อนหน้านั้นแล้ว จึงไม่ยอมให้ “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ ตั้งแต่พรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว

นายจตุพร กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดแรงบีบคั้น จ้องเล่นงานป่วยทิพย์ ชั้น 14 รพ.ตำรวจ “ทักษิณ” จำเป็นหาตัวช่วยที่ไว้ใจได้ จึงมาถึงคิว “อุ๊งอิ๊ง” เป็นนายกฯ แต่กลับมาเข้าหมาก “เกมคิลลิ่งโซน” เพื่อกวาด “ชินวัตร” ให้เรียบ ดังนั้น “ทักษิณ” มีทางเลือกแค่พาครอบครัวหนีไปต่างประเทศ หรือยอมติดคุก จึงเป็นสิ่งต้องตัดสินใจ

“การเอาลูกมาเป็นนายกฯ ย่อมผ่านการคิดที่ไม่ธรรมดามาแล้ว ไม่ใช่แค่เรื่องการเสี่ยงให้เป็นนายกฯ ในเขตแดนที่ควบคุมไม่ได้ แล้วส่อจะจบลงเหมือนตัวเองและน้องสาว (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ดังนั้นการเป็นนายกฯของ “อุ๊งอิ๊ง” จึงไม่ใช่ชัยชนะของ “ทักษิณ” และ “ชินวัตร” เลย แต่เป็นความเสี่ยงที่จำเป็นต้องเลือก”นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร กล่าวย้ำว่า การถูกลากไปอยู่ในคิลลิ่งโซน ด้วยเหตุจากการละโมบ โลภมาก คิดแต่ว่า ตัวเองเหนือกว่าคนอื่นตลอดเวลา ซึ่งเป็นจุดอ่อนของ “ทักษิณ” ดังนั้นคนมีพฤติกรรมเหิมเกริมตลอดเวลา คิดว่าตัวเองขี่ใครได้ตลอดเวลา เหนือกว่าทุกคนแล้ว คนนั้นจะถูกจัดการอย่างง่ายดายที่สุด สิ่งนี้เป็นความโชคดีของประชาชนขอให้อดทนไว้

“เรายังไม่รีบลงถนน แต่ควรรออย่างอดทนและใจเย็น เพราะตอนจบเรื่องนี้คือ โศกนาฎกรรม” นายจตุพร กล่าว พร้อมย้ำว่า “อุ๊งอิ๊ง” มาเป็นนายกฯ เป็นผู้นำประเทศ คงไม่ได้อยู่ที่อายุ แต่ขึ้นกับศักยภาพและวุฒิภาวะ พร้อมฉายแววการเป็นผู้ปกครองที่ดีได้หรือไม่ และสามารถนำพาประเทศผ่านวิกฤตเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ความมั่นคงได้หรือไม่ ส่วน “อุ๊งอิ๊ง“ แทบไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมเลย นอกจากคุณสมบัติ “ลูกของทักษิณ” เท่านั้น

“การสืบทอดประชาธิปไตย ไม่ใช่การสืบทอดทางสายเลือด แต่ต้องมีศักยภาพโดยผ่านการเตรียมการ เรียนรู้เพราะประเทศเป็นของคนทุกคน ตัวอย่างประเทศกัมพูชา ฮุนเซนเตรียมลูกขึ้นมาสืบต่ออำนาจ ด้วยการผ่านประสบการณ์บริหาร จัดการอำนาจมากมาย แต่อุ๊งอิ๊งไม่มีเลย”นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ยังกล่าวถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญถอดถอนจากตำแหน่งด้วยข้อหา “ไม่ซื่อสัตย์ ผิดจริยธรรมทางการเมือง” ว่า รู้สึกเห็นใจและอนาคตมีแนวโน้มถูกยื่นศาลอาญาเล่นงานซ้ำอีก และยังไม่แน่ใจว่า อาจลุกลามไปถึงการทำธุรกิจของนายเศรษฐาในตลาดหลักทรัพย์ฯด้วยหรือไม่ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซ่อนปมจัดการไว้อย่างสำคัญและน่าสนใจ

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img