มติเอกฉันท์สภาฯ 409 เสียงผ่านร่าง “กม.ประชามติ” ปรับเกณฑ์เสียงข้างมาก2ชั้น เพิ่มสิทธิให้ “ประชาชน” ได้งดออกเสียง “สส.พท.” ย้ำรองรับแก้รธน.60 ปิดประตูฟัน “แพทองธาร” ซ้ำรอย “เศรษฐา” อีก ชี้ต้นเหตุทำการเมืองไร้เสถียรภาพ
วันที่ 21 ส.ค.67 การประชุมสภาฯ ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่…) พ.ศ…. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ที่มีนายวุฒิสาร ตันไชย เป็นประธานกมธ. ได้พิจารณแล้วเสร็จ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการพิจารณาของสภาฯพบว่า มติเสียงข้างมากเห็นชอบด้วยกับร่างแก้ไขที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอต่อสภาฯ ได้แก่ ร่างมาตรา 3 ซึ่งแก้ไขมาตรา 10 ที่กมธ.เสียงข้างมาก การกำหนดเงื่อนไขเรื่องระยะเวลาการทำประชามติที่เป็นวันเดียวกันกับการเลือกตั้ง สส. เป็นการทั่วไป หรือ การเลือกตั้งท้องถิ่น เนื่องจากครบวาระ ต้องไม่เร็วกว่า 60 วัน และไม่ช้ากว่า 150 วันนับจากวันที่รับแจ้งจากประธานรัฐสภา
นอกจากนี้ร่างมาตรา 4 แก้ไขมาตรา 11 ซึ่งยกเลิกวรรคสองและวรรคสาม และใช้ข้อความใหม่ ที่มีสาระสำคัญคือ กรณีที่ประชาชน 5 หมื่นชื่อ จะยื่นเรื่องต่อครม.ให้พิจารณาทำประชามติ สามารถทำผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในประเด็นที่สภาฯ อภิปรายถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง คือ ร่างมาตรา 6 แก้ไขมาตรา 13 ว่าด้วยเกณฑ์ออกเสียงที่เป็นข้อยุติ ซึ่งร่างพ.ร.บ.ประชามติฉบับเดิม กำหนดให้ใช้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง 2 ชั้น คือ ผู้มาออกเสียงต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิ และเสียงเห็นชอบต้องเกินกึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิ โดยกมธ.เสียงข้างมากแก้ไขให้ใช้เสียงข้างมากเพียงชั้นเดียว คือ เสียงข้างมากของผู้มาออกเสียง ทั้งนี้พบว่ากมธ.ได้เพิ่มหลักเกณฑ์คือ ต้องเป็นคะแนนที่สูงกว่าคะแนนที่ไม่แสดงความคิดในเรื่องที่ทำประชามตินั้นด้วย ซึ่งนายวุฒิสาร ชี้แจงว่า การออกมาทำประชามติถือเป็นหน้าที่ ดังนั้นจึงต้องมีช่องให้งดออกเสียงเพื่อเป็นทางออกให้กับผู้มาใช้สิทธิออกสียง
ทั้งนี้มี สส.จากพรรคภูมิใจไทย ทั้งนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล นายภราดร ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง สงวนความเห็นให้เพิ่มหลักเกณฑ์ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ 1 ใน 4 ของผู้มีสิทธิด้วย เพื่อเป็นเกณฑ์ที่ใช้สะท้อนเสียงส่วนใหญ่ของมวลมหาประชาชน แต่สส.พรรคเพื่อไทยและสส.พรรคประชาชน ลุกขึ้นทักท้วงและสนับสนุนการแก้ไขตามกมธ.เสียงข้างมาก
โดย น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายแสดงจุดยืนของพรรคเพื่อไทยตอนหนึ่งว่าการแก้ไขพ.ร.บ.ประชามติ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่เป็นต้นตอวิกฤตของปัญหา โดย 1 ทศวรรษที่ผ่านมาพบประจักษ์พยานเหตุการณ์สำคัญ คือ ยุบพรรคก้าวไกลตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค สั่งให้นายเศรฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ และคำถามที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ เผชิญคือกังวลว่าจะซ้ำรอยการหลุดจากตำแหน่งหรือไม่ โดยเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าการเมืองไทยไร้เสถียรภาพ บริหารประเทศไม่ต่อเนื่อง ไม่แน่นอน ซึ่งเป็นวิกฤตที่มีต้นตอจากรัฐธรรมนูญ 2560 ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจะผลักดันการแก้รัฐธรรมนูญของประชาชน โดยประชาชน เพื่อประชาชน ให้เป็นจริงใน 4 ปี
หลังจากที่มีการพิจารณาเรียงลำดับมาตราแล้วเสร็จ ได้ลงมติเห็นชอบร่างแก้ไขทั้งฉบับตามที่ กมธ.เสียงข้างมากเสนอ ด้วยมติเอกฉันท์ 409 เสียง จากนั้นจะส่งให้วุฒิสภาพิจารณาในลำดับต่อไป