ผู้ก่อตั้งกลุ่มผู้ใช้แรงงานยันความเดือดร้อนของผู้ประกันตนเป็นความจริงทุกประการ แนะรัฐมนตรีแทนที่จะใช้เวลาตอบโต้คุณหญิงสุดารัตน์ควรใช้เวลาไปเร่งแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกันตนจะดีกว่า
จากกรณี คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า มีผู้ประกันตนกว่า 2 ล้านคนที่ตกหล่น และกำลังถูกทอดทิ้งจากมาตรการเยียวยาของรัฐนั้น ต่อมานายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงานชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข้อมูลที่บิดเบือนไม่รู้จริง นำมาพูดให้สังคมเข้าใจผิด
ล่าสุดนายวสันต์ ประจิตร ผู้ก่อตั้งกลุ่มผู้ใช้แรงงานและผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม และกลุ่มขอคืนไม่ใช่ขอทานเงินสมทบชราภาพ เปิดเผยว่า ตัวเองได้ตั้งกลุ่มช่วงโควิดรอบแรก เพื่อเรียกร้องเงินสมทบชราภาพเอามาเยียวยาผู้ประกันตน ในภาวะวิกฤตโควิดผู้ประกันตนเดือดร้อนมากรายได้ต้องลดลงแต่รายจ่ายยังคงเดิมค่าน้ำค่ารถค่าบ้านค่าไฟยังต้องจ่ายเหมือนเดิม
เรามีเงินของเราเองอยู่ในกองทุนประกันสังคมอยู่แล้วเราจึงเรียกร้อง1.ให้เอาเงินส่วนนี้เอาออกมาใช้ก่อน 2. เรื่องการแก้ไขกฎหมายบำเหน็จบำนาญชราภาพ เราต้องการเลือก เมื่อสิ้นสุดจากเป็นผู้ประกันตน โดยที่ไม่ต้องรอถึง 55 ปีบริบูรณ์
วาระเร่งด่วนที่เราร้องขอไปคืนนำเงินกองทุนชราภาพของพวกเราเอาออกมาใช้ก่อนพวกเราทำตั้งแต่รัฐมนตรีหม่อมเต่าถึงตอนนี้เปลี่ยนรัฐมนตรีเป็นสุชาติ ก็ยังไม่มีความคืบหน้า
“รัฐมนตรีสุชาติถ้าท่านยังจำคำที่ท่านพูดในครั้งที่ผมเคยเข้าพบเกี่ยวกับความเดือดร้อนของผู้ประกันตน ท่านพูดว่าลูกผู้ชายคุยกันเท่ากับสัญญาลูกผู้ชายเช่นกัน ในครั้งนั้นท่านบอกว่าไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ปี 64 ผู้ประกันตนจะได้รับเงินเยียวยาจะประกันสังคมโดยทางใดทางหนึ่ง”
แต่จนถึงวันนี้ผู้ประกันตนยังไม่ได้รับเงินจากกองทุนชราภาพเงินของพวกเราคืนแม้แต่บาทเดียว ท่านก็รู้ความหิวความเดือดร้อนมันรอกันไม่ได้ ผู้ประกันตนหลายคนโดนยึดบ้าน ยึดรถ ต้องเกิดปัญหาครอบครัวเช่นการหย่าร้าง เกิดปัญหาสังคมตามมาอีก
พวกเราขอแค่เงินของพวกเราคืนแค่นั้นเอง มาตรา 33 ในโครงการเรารักกันก็ยังไม่ได้ทั่วถึงมีผู้ประกันตนหลายคนตกหล่นไม่ใช่ความผิดของผู้กันตนเองแต่มันเป็นความผิดของระบบหน่วยงานของรัฐเอง มีสมาชิกของในกลุ่มเราจำนวนมาก ได้แจ้งทางกลุ่มทุกวัน
ล่าสุดนี้มาตรา 33 เรารักกันก็ยังไม่มีความชัดเจนว่ากลุ่มไหนจะได้คนเก่าที่เคยได้แล้วหรือว่าคนที่ยังไม่ได้ ผู้ประกันตนทั้งหมดเกือบ 16 ล้านคน แต่ทำไมยอดที่ประกันสังคมแจ้งมาแค่ 9 ล้านคน แล้วที่เหลือไปไหนข้อมูลที่ 2 ล้านคนผมในฐานะประชาชนคนหนึ่งก็แค่อยากรู้คิดแค่ตัวเลขง่ายๆ
ท่านต้องหัดยอมรับความจริงบ้างสิ่งที่ท่านคุณหญิงสุดารัตน์โพสต์มันคือความจริง มันคือความเดือดร้อนของผู้ประกันตนจริงๆ และมีตัวตนจริง
กี่ครั้งแล้วที่ผมเข้าไปที่กระทรวงแรงงานหรือประกันสังคมสำนักงานใหญ่ แค่เข้าไปนั่งคุยแล้วเรื่องก็เงียบหายไม่มีความคืบหน้าเป็นรูปประธรรมได้เลย
“คุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้หญิงกล้าออกมาพูดความจริงกล้าเป็นปากเป็นเสียงให้กับผู้ประกันตนที่เดือดร้อนจริง อย่างน่าชื่นชมกว่าผู้ชายที่เคยรับปากว่าสัญญาลูกผู้ชายด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีท่านคุณหญิงสุดารัตน์เป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ใช้แรงงานเรื่องก็คงจะเงียบอีกตามเคย ท่านเป็นผู้ชายใจกว้างหน่อยยอมรับกับปัญหาแล้วนำไปแก้ไขเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาให้กับผู้ใช้แรงงานจะดีกว่า จะดีกว่าจะมาต่อปากต่อคำกับผู้หญิง”
รมต. ควรเปิดใจยอมรับฟังเสียงของผู้ประกันตนบ้างไม่ใช่จะฟังเฉพาะคนใกล้ชิดท่าน พวกนั้นก็จะพูดแต่สิ่งที่เขาอยากให้ฟัง แต่ปัญหาจริงๆมันเยอะมากกว่านั้น ผมในฐานะผู้ก่อตั้งกลุ่ม ผมจะสู้เรื่องสิทธิของผู้ประกันตนอันพึงได้และความชอบธรรมความเป็นธรรมขึ้นกับสู่ผู้ประกันตน ถ้าไม่ติดเรื่อง covid หรือกฎหมาย พรก.ที่คุ้มกะลาไว้ไม่ได้เป็นแบบนี้แน่
ต้องขอขอบพระคุณท่านคุณหญิงสุดารัตน์อีกครั้งที่เป็นปากเป็นเสียงให้กับผู้ประกันตน ให้พวกมันขยับก้นทำงานกันบ้าง