“เทพไท”เตือนปชป.ทัวร์ลงเต็มลานจอด สัญญาณอันตราย อย่าท้าทายความรู้สึกประชาชน เพราะจะทำให้เดินหน้ายาก
เมื่อวันที่ 1 ก.ย.นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.ประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
เตือน ปชป.ทัวร์ลงเต็มลานจอด สัญญานอันตราย
อย่าท้าทายความรู้สึกประชาชน
หลังจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งยืนกันอยู่คนละขั้วกันมาโดยตลอด มีอุดมการณ์ที่แตกต่างกัน และถือว่าเป็นพรรคการเมืองคู่แข่งกันในทุกสนามเลือกตั้ง ร่วมเวลา 20 กว่าปี
เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้นำข่าวเกี่ยวกับผลการลงมติพรรคเพื่อเข้าร่วมรัฐบาล เผยแพร่ลงบนเพจเฟซบุ๊กทางการของพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นปกว่า ทุกเสียงสะท้อนของท่าน สำคัญกับเราเสมอ และข่าวการให้สัมภาษณ์ของนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อให้มวลสมาชิก และประชาชนทั่วไปได้รับทราบนั้น
ผลปรากฎว่า มีประชาชน ผู้สนับสนุนพรรคได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นกันจำนวนมาก จะหนักไปทางรุมด่า ส่วนใหญ่ หรือเกือบ 100% ไม่เห็นด้วยกับการที่พรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย หลายคนบอกว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าสูญพันธุ์บ้าง ต่ำสิบบ้าง ไม่เกิน 5 คนบ้าง บางคนใช้คำหยาบคาย บ้างก็บอกว่าจะหยุดสนับสนุนพรรค ไม่เลือกแล้ว อย่างนี้ภาษาโซเชียลเรียกว่า ทัวร์ลงจนไม่มีลานจอดรถทัวร์แล้ว
ถ้าจะกล่าวหาว่าเป็นเฟสไอโอหรืออวตาร ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ แต่กระแสในสื่อโซเชียลที่แสดงความเห็นมานั้นสอดคล้องกับอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนจริงๆ อาจจะมีคนเข้ามาอวยอยู่บ้างประปรายหรือน้อยมาก แต่ถูกจับโป๊ะว่าเป็นบัญชีของนายเดชอิศม์ ขาวทอง เลขาธิการพรรค คอมเม้นท์อวยตัวเอง สร้างความอับอายให้กับผู้คนในสังคมมากขึ้นไปอีก จนแอดมินเพจของพรรคต้องปิดช่องแสดงความคิดเห็นไป เพราะไม่อาจรับฟังความคิดเห็นที่ตำหนิติเตียน และเห็นต่างกับมติพรรคได้
ถ้าหากคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ ตั้งความหวังไว้ว่า การเข้าร่วมรัฐบาลกับระบอบทักษิณ จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความนิยมมากขึ้นนั้น แต่เมื่อถ้าเปรียบตอนนี้จะเห็นว่า เกิดกระแสติดลบ และกว่าจะกอบกู้มาให้เป็นเสมอตัว หรือเท่าทุนก็ยากยิ่ง จะให้เพิ่มขึ้นเป็นบวกก็ยิ่งยากกว่าเดิมอีก อย่าท้าทายความรู้สึกของประชาชนถ้าหากประชาชนเสื่อมศรัทธา และไม่สนับสนุนพรรค ก็จะทำให้พรรคเดินหน้าไปได้ยากมาก
ขอให้ชาวประชาธิปัตย์ ได้จดจำมือทุกมือ ชื่อทุกชื่อที่โหวตสนับสนุนให้พรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมรัฐบาลกับระบอบทักษิณไว้ให้ดี เผื่อวันข้างหน้าเมื่อเกิดความเสียหายใดๆเกิดขึ้นกับพรรค จะได้ทวงถามความรับผิดชอบทางการเมืองได้ หรือว่ากว่าจะถึงวันนั้น พรรคประชาธิปัตย์เสียหายอย่างยับเยินจะกอบกู้ไปเสียแล้ว