“กมธ.งบฯวุฒิฯ”เผยพิจารณาพรุ่งนี้วันสุดท้าย มั่นใจทันกรอบเวลาแน่อน ชี้ “สำนักนายกฯ” รอนโยบาย “แพทองธาร1” เดินหน้า“ดิจิทัลวอลเล็ต” อย่างไร “สว.มาเรีย” ชี้ภาพรวมยังไม่ครอบคลุมปัญหาเฉพาะหน้า แนะโครงการเติมเงินหมื่นต้องวางเป้าหมายชัด โปร่งใส
วันที่ 2 ก.ย.2567 ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วุฒิสภาแถลงถึงผลการศึกษาของกมธ.เตรียมเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา ในคราวที่จะพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบฯ68 หลังจากที่สภาฯ ได้ลงมติเห็นชอบแล้ว โดยนายเศรณี อนิลบล สว. ในฐานะโฆษกกมธ. กล่าวว่า การประชุมของกมธ.ได้ดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. ซึ่งมีหน่วยงานระดับกระทรวงและกรมเข้าชี้แจงครบทุกหน่วย โดยในวันพรุ่งนี้(3ก.ย.) จะเป็นการประชุมหน่วยสุดท้าย โดยเชิญผู้ว่าราชการจังหวัด 76 จังหวัด นายกเมืองพัทยา และผู้ว่าฯกทม.เข้าร่วมประชุม จากนั้นจะสรุปผลการพิจารณาเพื่อจัดทำรายงานเสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภา โดยคาดว่าการดำเนินการเสร็จตามกรอบปฏิทินงบประมาณ เพื่อให้สามารถใช้บังคับได้ในวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งทางกมธ.ได้ นำปัญหาอุปสรรค รวมทั้งข้อคิดเห็นข้อเสนอแนะต่างๆมาตั้งเป็นประเด็นคำถามเพื่อสอบถามแต่ละกระทรวงทั้ง 20 กระทรวงเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณจำนวน 3.752 ล้านล้านบาทมีความคุ้มค่าเกิดประโยชน์กับประชาชนสูงสุด
ด้านน.ส.มาเรีย เผ่าประทาน สว.ฐานะโฆษก กมธ. แถลงว่า ภาพรวมของการจัดสรรงบประมาณพบว่ายังไม่ครอบคลุมการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เช่น อุทกภัย นอกจากนั้นกมธ.เห็นว่ารัฐบาลควรจัดหารายได้เพื่อเพิ่มชดเชยการขาดดุล ส่วนของงบกลางที่พบการจัดสรรไว้สำหรับโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตหากเพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรบริหารจัดการให้มีเป้าหมายชัดเจน และโปร่งใส รวมถึงทำในช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพตามที่มุ่งหวัง นอกจากนี้ในส่วนของการเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการและลูกจ้างของรัฐควรมีการควบคุมค่าใช้จ่ายและการตรวจสอบการเบิกจ่ายให้ถูกต้อง
ด้านนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. กล่าวว่า ทาง กมธ.ให้ความสนใจงบประมาณที่ใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งได้มีการสอบถามไปยังสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าจะมีการเตรียมการอย่างไรต่อไป ซึ่งได้รับการตอบมาว่า ยังอยู่ที่นโยบายของรัฐบาลใหม่ว่า รัฐบาลใหม่จะแถลงนโยบายอย่างไร ก็พร้อมดำเนินการตามรัฐบาล จึงได้สอบถามต่อไปว่า งบประมาณรวมทั้งสิ้น 4.5 แสนล้านบาท ที่จะแบ่งเป็น 4 ก้อน ผ่านไปแล้ว 1.22 แสนล้านบาท ในปี 67 และทางรัฐบาลได้ประกาศว่าจะจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบางก่อน เป็นเงินสดในปลายเดือนนี้นั้น แต่ในส่วนที่เหลือต่อไป จะเป็นเรื่องของรัฐบาลใหม่ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าภายหลังการแถลงนโยบายแล้ว จะมีการดำเนินการอย่างไร เพราะอย่างไรก็คงต้องอยู่ที่งบกลาง และคงต้องจับตาดูนโยบายรัฐบาล ‘แพทองธาร 1’ ที่จะดำเนินการต่อ