’โรม’ ใช้เวทีแถลงนโยบายรัฐ! แฉ ‘ทุนเทา-อาชญากรรมข้ามชาติ’ ลามหนักข้อ ดอดเจรจา ‘นักการเมือง‘ เตรียมลงปักหลักในไทย เตือน ‘แพทองธาร’ อย่าเป็น ‘นายกฯม้า’ เอื้อครอบครัว-รอคำสั่ง ’นายใหญ่’ แอบชักใย ทำชาติเจ๊ง บี้รีบแก้ปัญหา-กางแผนให้ชัด ดันกาสิโนครบวงจร-เพิ่มประสิทธิภาพใช้กฎหมาย
วันที่ 13 ก.ย.2567 เวลา 22.50 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระคณะรัฐมนตรี(ครม.) แถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 162 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดย นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายต่อที่ประชุมรัฐสภา วาระอภิปรายนโยบายรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึงการเร่งปราบปรามยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่พบว่ามีประเทศไทยเป็นทางผ่าน และอาจเป็นการสนับสนุน เช่น การขายไฟฟ้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ที่ทำให้ขบวนการค้ายาเสพติดสามารถผลิตยาเสพติดส่งมาขายในประเทศไทยและใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่านเพื่อกระจายไปยังประเทศต่างๆ
“ผมขอตั้งข้อสังเกตแบบนี้ เพราะมีหลักฐานชัดเจน ผ่านคำพิพากษาทุนมินลัต ปรากฎข้อเท็จจริง ว่าชำระค่าไฟฟ้าให้การไฟฟ้าแม่สาย โดยใช้บัญชีม้า มีเส้นเงินเกี่ยวกับยาเสพติดและทำแบบนี้มานาน บัญชีม้าเกี่ยวกับการจ่ายค่าไฟมากกว่า 500 บัญชี ผมขอฝากไปยังรัฐมนตรีดีอี ว่าบัญชีม้าดังกล่าวไม่มีการขยายผลจับกุม ขณะที่ ปปส. ยึดอายัดทรัพย์และดำเนินการไฟฟ้าแม่สายแต่พบว่ายังมีการจ่ายไฟ รวมถึงอาคารเช่าของพรรคร่วมรัฐบาล ยังถูก ปปส. อายัดอยู่” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ส่วนประเด็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือ หยุดขบวนการ ผ่านการปราบปรามบัญชีม้าซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไหลไปสู่ขบวนการดังกล่าว และมีส่วนเชื่อมไปยังอาชญากรรมข้ามชาติที่เปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือกาสิโนตามตะเข็บชายแดน ในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ ตนภาวนาว่าจะไม่มีใครหรือรัฐบาลไหน ดำเนินการสร้างนรกบนดินที่เกิดตามตะเข็บชายแดน แต่นายกฯ บอกว่าจะส่งเสริมนโยบายสถาบันเทิงครบวงจร แต่ไม่เอ่ยถึงกาสิโน แต่ในร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีกาสิโนด้วย ทำไมถึงเลี่ยงจะพูดถึง
“ผมกังวลต่อความโปร่งใสในการผลักดันนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ทั้งนี้ผมเห็นด้วยที่จะเอาธุรกิจใต้ดินมาบนดินและเก็บภาษีให้ถูกต้อง แต่ผมไม่แน่ใจว่านายกฯปัจจุบันเห็นเหมือนกับนายกฯ คนเก่าหรือไม่ แต่การทำสถานบันเทิงครบวงจรเป็นคนละเรื่องกับกาสิโน ที่มีกระจายอยู่หลายจังหวัด หากนายกฯ เอาจริงกับเรื่องนี้ แก้ปัญหาบ่อนการพนัน ต้องทำให้เด็ดขาดอย่าคิดไปทำไป นอกจากนั้นต้องมีการบังคับใช้กฎหมายให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่เป็นแหล่งฟอกเงิน หรือเป็นแหล่งซ่องสุมอาชญากรข้ามชาติ หรือกลุ่มทุนสีเทาดำที่มีเป้าหมายวางหลักปักฐานในประเทศไทย โดยมีกลุ่มทุนมีการติดต่อผู้ใหญ่ในแวดวงการเมืองในพรรคของท่าน ดังนั้นต้องเน้นในเรื่องประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายสำคัญ” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ตามร่างพ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร กำหนดให้ ครม. พิจารณาตั้งสถานที่ตั้งและให้มีกรรมการนโยบายออกใบอนุญาต มีนายกฯ เป็นหัวโต๊ะ ซึ่งตนกังวลว่านายยกฯ จะไม่มีเวลาดูรายละเอียดให้รอบคอบ ทั้งนี้ในเรื่องดังกล่าวอาจมีเบื้องหลัง มีการนินทาว่า การให้ใบอนุญาต ทราบว่าจะให้บริษัทไหนบ้างที่ได้ ทำจังหวัดไหนบ้างรวมมถึงคุยไปไกล ว่านายใหญ่ได้รับกี่เปอร์เซ็นต์ในการทำ หวังว่าข้อมูลที่ได้ยินจะไม่จริง ที่ว่ามีการสมคบ นายใหญ่ นายทุน นายหน้า และขอให้นายกฯพิสูจน์ความบริสุทธิ์
“ผมยังไม่เห็นเจตนาของรัฐบาลที่จะป้องกันไม่ให้ทุนเทามาลงทุน ทั้งนี้ในเรื่องยาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ผมขอยืนยันว่าเกี่ยวและสัมพันธ์กันใกล้ชิดหากไม่ระวังให้ดี ไม่ต่างจากที่เรายกประเทศให้ทุนเทาสีดำ และอาชญากรรมข้ามชาติ ปัญหาต่างๆ ของประเทศชาติต้องการความเป็นผู้นำของนายกฯ แก้ปัญหาให้ประเทศ ประชาชนเจ็บปวดกับปัญหาซิมม้า บัญชีม้า และให้ตำแหน่งนายกฯ รัฐมนตรีเป็นม้าให้นายใหญ่ พี่ชาย ครอบครัว 1 ปีสูญเปล่าไปแล้ว อย่าให้ 3 ปีต่อจากนี้อย่าให้เป็นความเจ๊งของคนไทย อย่าให้มีนายกฯม้า รอคำสั่งนายใหญ่ ที่แอบแสงจันทร์ ประเทศไม่ใช่เรื่องของครอบครัว แต่เป็นเรื่องของคนไทยทุกคน” นายรังสิมันต์ อภิปราย
ทั้งนี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงทันทีตอนหนึ่งว่า “ได้ฟังอภิปราย เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ได้พาดพิงบุคคลอื่นให้เสียหาย ไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ สิ่งที่พูดในสภาฯ คิดว่าต้องแสดงความรับผิดชอบ ตนเข้าใจในความหวังดีอยากเห็นปัญหานี้หมดไป ขอบคุณในคำแนะนำหลายๆ เรื่อง แต่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้ว
นายรังสิมันต์ จึงลุกขึ้นโต้กรณีที่นายประเสริฐ ระบุผู้อภิปรายคนสุดท้ายต้องรับผิดชอบ เพราะคิดว่าตนเองเสียหาย ว่า ตนยืนยันข้อมูลที่ได้รับมา เพราะข้อมูลทุกอย่างมาจากหน่วยงานความมั่นคง ฝากท่านรัฐมนตรีนิดหนึ่งว่า ถ้าอยากจะปิดบัญชีม้า ท่านจะต้องมีการดำเนินคดีอย่างจริงจังกับคนที่เปิดบัญชีม้า โดยเริ่มต้นได้ง่ายๆ จาก 500 บัญชีที่เกี่ยวข้องกับการขายไฟฟ้าบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ และเกี่ยวพันกับการยึดอายัดทรัพย์ของพรรคการเมืองหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับอาคารดังกล่าว ซึ่งสามารถทำได้ทันที “พิสูจน์เรื่องนี้ให้เห็น แล้วผมจะเชื่อว่า ท่านเอาจริงเอาจังในการปราบบัญชีม้า”
โดยระหว่างการโต้เถียงของนายประเสริฐ และนายรังสิมันต์นั้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่สลับขึ้นมาทำหน้าที่ประธานการประชุม ชี้แจงว่า รัฐมนตรีได้ตอบตามที่นายรังสิมันต์ได้พูดไปแล้ว ไม่ใช่เวทีโต้วาทีตอบไปมา คิดว่าไม่ได้เสียหายอะไร ไม่ต้องอภิปรายซ้ำโต้ไปมา จากนั้นได้ดำเนินการให้สมาชิกคนต่อไปขึ้นมาอภิปรายตามลำดับ.