‘นันทนา’ เห็นด้วยแก้ รธน. รายมาตรา ลดจุดบกพร่อง ชี้จริยธรรมนักการเมืองควรระบุให้ชัดว่าทำอะไรได้บ้าง ติงไม่ใช่ให้คนตีความไม่เป็นธรรม บอกควรให้เวลา กกต. ตรวจสอบคำร้อง แม้กระบวนการเลือก สว. มีปัญหาจริง ก็ไม่ควรล้มกระดานทั้งชุด
วันที่ 23 ก.ย.2567 เวลา 11.15 น.ที่รัฐสภา น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคการเมืองเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า ทางกลุ่มเรามีความคิดเห็นร่วมกันตั้งแต่ต้นแล้วว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันนี้มีปัญหา คือรั่วทุกจุด เดิมเราต้องการให้มีการแก้ไขทั้งฉบับ แต่ดูจากกระบวนการแล้วน่าจะเป็นไปได้ช้ามาก อาจจะทำไม่ทัน 3 ปีที่เหลือของรัฐบาลนี้ ดังนั้น หากมีการแก้ไขรายมาตรา เพื่อลดจุดบกพร่องและแก้ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองได้ ก็คิดว่าเป็นประโยชน์ และน่าสนับสนุน ซึ่งในรายละเอียดต่างๆ คงต้องดูกันอีกครั้งหนึ่งว่าแต่ละมาตราที่เสนอไปมีความสมเหตุสมผลในการปรับแก้อย่างไร
เมื่อถามว่าส่วนข้อครหาที่มองว่าการเสนอแก้ไขเรื่องจริยธรรมของนักการเมือง เป็นการแก้ไขเพื่อเอื้อประโยชน์ให้นักการเมืองด้วยกันเอง น.ส.นันทนา กล่าวว่า ปัญหาตรงนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องการกำหนดให้จริยธรรมเข้าไปอยู่ในกฎหมาย แท้จริงแล้วเรื่องจริยธรรมคือ Code of conduct ซึ่งควรเป็นเรื่องที่กลุ่มวิชาชีพขององค์กรในสายอาชีพนั้นได้พิจารณาตกลงกันเอง ว่าพฤติกรรมของใครที่เหมาะสมหรือไม่สอดคล้อง ดังนั้นเมื่อนำเข้ามาเป็นกฎหมาย จึงไม่ได้มีข้อกำหนดชัดเจนว่าเรื่องไหนทำได้ หรือไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องอาศัยการตีความโดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กลายเป็นว่าจริยธรรมนี้ขึ้นอยู่กับตุลาการจำนวน 9 คน ในการพิจารณา จึงควรมีข้อกำหนดชัดเจนที่คนสามารถปฏิบัติตามได้ แต่การใช้คำว่าจริยธรรมและอาศัยการตีความซึ่งมีความเป็นนามธรรมสูงมาก สุดท้ายการตีความนั้นขึ้นอยู่กับคนไม่กี่คน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกคน จึงเห็นว่าควรมีการปรับแก้เพื่อให้เกิดความชัดเจนในเรื่องนี้
“นี่ไม่ใช่เรื่องของประโยชน์ทับซ้อน และหากจะบรรจุเข้าไปในกฎหมาย ควรต้องกำหนดให้ชัดว่าพฤติกรรมไหนผิดหรือไม่ผิดจริยธรรม และไม่ควรต้องย้อนกลับไปเมื่อชาติที่แล้ว ว่าเขาเคยทำอะไรไว้เมื่อ 20 ปีก่อน ก็เอามา ทั้งที่ตอนนั้นเขายังไม่ได้ตัดสินใจจะเป็นนักการเมืองด้วยซ้ำไป แต่กลับถูกนำเรื่องนี้มาดำเนินคดีกับเขา” น.ส.นันทนา กล่าว
เมื่อถามว่าเห็นด้วยกับร่างแก้ของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนหรือไม่ น.ส.นันทนา กล่าวว่า เบื้องต้นเห็นว่ากระบวนการแก้รายมาตราถือเป็นทางออกที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดในช่วงเวลานี้ แต่คงต้องขอการสนับสนุนจากวุฒิสภาซึ่งต้องใช้เสียงถึง 1 ใน 3 คือ 67 เสียง หากเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ในการให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งสามารถปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนได้โดยไม่ต้องหวาดระแวงตลอดเวลา ว่าจะมีผู้มาร้องเรียนเรื่องในอดีตเมื่อไร หรือไม่แน่ใจว่าสิ่งที่ทำไปผิดตรงไหน
เมื่อถามว่ากรณีมีผู้ยื่นร้องให้เพิกถอนการเลือกสว. ทั้งหมด เนื่องจากกระบวนการเลือกมีความไม่สุจริตเที่ยงธรรม น.ส.นันทนา กล่าวว่า กระบวนการเลือก สว. มีปัญหามาตั้งแต่ต้น ในคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็มีเรื่องร้องเรียนกว่า 700-800 เรื่อง จึงควรให้เวลา กกต.ในการสะสางเรื่องนี้ และหากว่าล่าช้าจนเกินไป ถึงตอนนั้นจึงควรไปเร่งรัดว่าให้มีมาตรการและการตรวจสอบที่รวดเร็วกว่านี้ ควรจะตัดสินพิจารณา หรืออย่างน้อยที่สุดหาก กกต. ไม่แน่ใจ ก็ควรส่งให้ศาลพิจารณาเลย
“แต่การจะบอกว่า สว. ทั้งหมดที่เข้ามามีปัญหา และล้มกระดานเลย ก็คิดว่าไม่เป็นธรรมต่อผู้ที่เข้ามาอย่างสุจริตโปร่งใส ตามกระบวนการที่ไม่ได้ผิดอะไร แต่กลับต้องถูกล้มกระดาน เพราะมีคนจำนวนหนึ่งที่เข้ามาอย่างไม่ถูกต้อง” น.ส.นันทนา กล่าว