“ประธานรัฐสภา” ชี้ควรหาข้อสรุป “ประชามติ” ในสมัยประชุมนี้ แนะ “สส-สว.” ถอยคนละก้าว คำนึงถึงผลประโยชน์ปชช. รับทำประชามติ 3 ครั้งเสี่ยงยื่นศาลรธน.ตีความ
วันที่ 8 ต.ค.2567 ที่สปป.ลาว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่วุฒิสภาส่งร่าง พ.ร.บ.ประชามติ กลับมาให้ทำประชามติ 2 ชั้น ว่าจะต้องนำกลับมาพิจารณาในสภาฯซึ่งขณะนี้เหลือเวลาเพียง 2 สัปดาห์ก็จะปิดสมัยประชุม ดังนั้นสภาจึงจะต้องเร่งพิจารณาว่าเห็นด้วยกับการแก้ไขของวุฒิสภาหรือไม่ หากไม่เห็นด้วยก็จะต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันสองสภาเพื่อพิจารณา จึงเห็นว่าควรได้ข้อยุติในเบื้องต้นภายในสมัยประชุมนี้ เพื่อจะใช้เวลาในช่วงสมัยประชุมในการพิจารณาหาข้อยุติ แต่ทั้งนี้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยตั้งคณะกรรมาธิการร่วม เมื่อมีการแก้ไขก็มักจะใช้กันไปก่อน เว้นแต่มีข้อขัดแย้งกันจริงๆ ซึ่งตนเห็นว่าแล้วแต่วิปรัฐบาลจะเลือกใช้วิธีใด เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่สิ่งสำคัญกฎหมายการทำประชามติจะต้องมี และทางออกที่ดีที่สุด เพื่อประโยชน์ของประชาชนควรจะต้องมีการประนีประนอม แทนที่จะไปนับหนึ่งใหม่ แต่ขณะเดียวกันจะต้องมีความสมดุลในการใช้อำนาจของแต่ละฝ่ายด้วย
“เป็นเรื่องไม่ยากหากคุยกันแล้วมีความปรารถนาดี และหวังดีต่อประเทศชาติ เชื่อว่าประเทศชาติเดินไปข้างหน้าได้ ประชาชนมีความเชื่อมั่น ดังนั้น แต่ละฝ่ายควรถอยคนละก้าวสองก้าวก็ได้เพื่อประโยชน์สูงสุดที่จะได้กับประชาชน เสียเวลาคุยกันให้จบโดยมีเป้าหมายคือทำประชามติให้ได้แก้รัฐธรรมนูญให้ได้ดีกว่า โดยคุยกันตั้งแต่ตอนแรกว่าจะตั้งคณะกรรมาธิการร่วมหรือไม่ตั้ง ผมเชื่อว่าคุยกันได้นายวันนายวันนอร์ กล่าว
เมื่อถามว่าวิปรัฐบาลยืนยันที่จะให้กลับไปใช้ร่างของสภาฯ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า ตนเดาไม่ถูกเนื่องจากวิปรัฐบาลจะต้องฟังเสียงของแต่ละพรรคการเมืองด้วย
เมื่อถามว่ายังคงมีข้อถกเถียงว่าจะต้องทำประชามติ 2 หรือ 3 รอบ นายวันนอร์ กล่าวว่า ยังคงไม่มีข้อยุติและไม่มีใครบอกได้ว่า จะต้องทำกี่รอบ เพราะเคยถามไปยังศาลรัฐธรรมนูญแล้วแต่ศาลไม่ตอบ แต่ขอให้ไปดูคำวินิจฉัยก่อนหน้านี้ ว่าชัดเจนแล้ว จึงทำให้ เกิดการตีความ ที่แตกต่างว่า ต้องทำ 2 รอบหรือ 3 รอบ แต่ส่วนตัวมองว่าทำ 3 รอบก็ไม่เสี่ยงเพราะหากทำ 2 รอบเสร็จแล้วหากมีคนไปยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญถึงขณะนั้นก็ไม่ทราบว่าศาลจะตีความอย่างไร
