“เทพไท”ฟันเปรี้ยง ข่าวลือคือข่าวจริงมาก่อนเวลา “เนวิน”พบ “ทักษิณ”จองคิวนายกฯให้ “อนุทิน”?
เมื่อวันที่ 9 ต.ค.นายเทพไท เสนพงศ์ สส.ประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า
ข่าวลือคือข่าวจริงมาก่อนเวลา
เนวิน พบ ทักษิณ จองคิวนายกฯให้อนุทิน?
จากกระแสข่าวลือว่านายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย ได้พบกับนายทักษิณ ชินวัตรนายใหญ่ แห่งพรรคเพื่อไทยที่บ้านจันทร์ส่องหล้า จนเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน และได้สอบถามข้อเท็จจริงจากนายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รับได้รับคำตอบว่าไร้สาระ รวมถึงการปฏิเสธข่าวนี้จากนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จนถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีก็ออกมาปฏิเสธว่า ต้องถามนายทักษิณผู้เป็นพ่อก่อน
แต่ในที่สุดนายอนุทินก็ได้ยอมรับความจริงกับสื่อมวลชนว่า เป็นผู้นำนายเนวินไปพบกับนายทักษิณ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าจริง เป็นเพียงการไปกินข้าว แฮปปี้เบิร์ธเดย์กัน ไม่ได้พูดคุยประเด็นการเมืองแต่อย่างใด และปฏิเสธกระแสข่าวเรื่องนายกรัฐมนตรีคนละครึ่ง
ผมเห็นว่าการออกมาปฏิเสธข่าวของนายอนุทิน เป็นเรื่องปกติต้องรักษามารยาทของวงสนทนา และปฎิเสธกระแสการเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่ในความเป็นจริงเมื่อนักการเมืองพบกันคุยกัน ถ้าจะไม่คุยเรื่องการเมืองกันก็แปลกประหลาด ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าหากจะไม่คุยการเมืองกัน เพียงแต่จะคุยในเรื่องใด และจะออกมาเป็นประเด็นข่าวหรือไม่เท่านั้น จะปฏิเสธอย่างไรก็ไม่มีใครเชื่อ
ในสถานการณ์เช่นนี้เชื่อว่า น่าจะมีการคุยเรื่องประเด็นทางการเมืองที่นายทักษิณ ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองและเป็นผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้ ในขณะเดียวกันนายเนวิน ก็คือครูใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย มีอำนาจต่อรองทางการเมืองสูง โดยเฉพาะการมีสมาชิกวุฒิสภาที่อยู่ในสายสีน้ำเงิน จำนวน 150 คน ซึ่งมีอำนาจต่อรองและเป็นตัวแปรทางการเมืองได้มากมาย ไม่ว่าในเรื่องการออกกฏหมาย หรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จึงจำเป็นต้องพูดคุยแชร์อำนาจทางการเมืองกัน
การที่นายเนวินบอกให้หมอประกำช้างผูกข้อมือให้นายอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี ในงานวันเกิด เป็นการส่งสัญญาณถึงนายทักษิณว่า ถ้าหากนางสาวแพทองธารเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือมีอันเป็นไปก่อนครบวาระ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ต้องเป็นนายอนุทินเท่านั้น
สำหรับประเทศไทย การมีข่าวลือออกมามักจะเป็นข่าวจริงเสมอ เพราะข่าวลือคือ“ข่าวจริงที่มาก่อนเวลา”