“เทพไท” ชำแหละพฤติกรรม “นิสัยคนไทย” เสพติดประชานิยม ชอบเงินแจกฟรี แต่ถ้าไม่ได้จะรู้สึกโกรธ เย้ย “เงินหมื่นดิจิทัลฯ” เฟสแรก การจับจ่ายใช้สอย “เงียบฉี่เหมือนตีแตน” ไร้พายุหมุนเศรษฐกิจ ถือว่าเงินภาษีปชช. 1.5 แสนล้านสูญเปล่า ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ หวั่นเฟส 2 ซ้ำอีหรอบเดิม
เมื่อวันที่ 14 ต.ค.67 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช แสดงความเห็นทางเฟซบุ๊ก หัวข้อ “นิสัยคนไทย : เสพติดประชานิยม แจกเงินสดหนึ่งหมื่น : หวังลมพายุหมุนได้แค่ลมปาก” มีเนื้อหาว่า…“ผลการสำรวจของนิด้าโพล สอบถามความเห็นประชาชน เรื่อง “โกรธไหมถ้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 2 ไม่ตรงปก” ผลปรากฎว่า กลุ่มตัวอย่างที่อยู่ในกลุ่มจะได้รับเงินดิจิทัล เฟส 2 นั้น ส่วนใหญ่ไม่พอใจ หากรัฐบาลยกเลิกโครงการนี้ แต่ยอมรับได้ หากได้ไม่เต็ม 10,000 บาท หรือแบ่งจ่าย
ส่วนกลุ่มที่ไม่มีสิทธิ์มองว่า ควรแจกให้ทุกคน และอีกบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินของรัฐบาลเลย ซึ่งผลของการสำรวจในครั้งนี้ สามารถวิเคราะห์ถึงพฤติกรรม และนิสัยของคนไทยที่ตอบแบบสอบถามได้ 8 ข้อ คือ
1.คนส่วนใหญ่ชอบของแจก เสพติดนโยบายประชานิยม อะไรก็ได้ขอให้เป็นของแจก ถ้าได้ฟรีแล้วจะชอบ
2.แม้รัฐบาลประกาศว่า จะแจกเงินสด 10,000 บาท ถ้าจะเปลี่ยนเงื่อนไขการแจกเป็นแบบไหนก็รับได้
3.ถ้ารัฐบาลจะเปลี่ยนเงื่อนไข เป็นการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตครึ่งหนึ่ง แบบเงินสดครึ่งหนึ่ง ก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้รับแจก
4.แต่ถ้าแจกให้ไม่ครบตามจำนวนที่ประกาศไว้ ก็ไม่โกรธ แต่ขอให้ได้บ้าง
5.รัฐบาลจะแบ่งแจกเป็นงวดๆ ทยอยแจก ก็ไม่เป็นไร ขอให้แจกก็แล้วกัน
6.ถ้าประกาศแล้วว่า จะแจกแต่กลับเบี้ยวไม่แจก จะรู้สึกโกรธ เหมือนกับการหลอกให้มีความหวัง
7.คนไม่มีสิทธิ์ได้รับเลย รู้สึกไม่พอใจ และรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม สร้างความเหลื่อมล้ำ
8.คนที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในการแจก มีความคิดว่า ถ้าไม่แจกให้กับทุกคน ก็ไม่ควรแจกเสียดีกว่า
การแจกเงินสด 10,000 บาทให้กับประชาชนในเฟสแรกและหวังจะเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งจะคึกคักในช่วงที่มีการแจกเพียงไม่เกิน 5 วัน หลังจากนั้นสถานการณ์การจับจ่ายใช้สอย ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ไม่เกิดการหมุนเวียนของเศรษฐกิจเลย
บรรยากาศของการจับจ่ายใช้สอยกลับเงียบฉี่ หรือสำนวนภาษาปักษ์ใต้เรียกว่า “เงียบฉี่เหมือนตีแตน” ไม่มีพายุหมุนอะไรเลย นับว่าเป็นการสูญเปล่าของเงินจำนวน 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นเงินมาจากภาษีของประชาชนทั้งประเทศ
ถ้าหากรัฐบาลจะแจกเฟส 2 อีก ก็จะเข้าอีหรอบเดิม ไม่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลมพายุหมุนที่รัฐบาลโฆษณา ก็กลายเป็นแค่ลมปากของคนในรัฐบาล ที่พยายามปั่นกระแสให้เกิดอุปทานหมู่ของผู้คนในสังคม”
