“เทพไท” ระบุ “ยุบพรรค” กับ “พรรคร่วมแตก” อะไรมาก่อนกัน หลัง “กกต.” รับคำร้องยุบพรรคเพื่อไทยและ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม
เมื่อวันที่ 19 ต.ค.67 นายเทพไท เสนพงษ์ อดีตสส.ประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ยุบพรรคกับพรรคร่วมแตก อะไรมาก่อนกัน
กระแสข่าวที่ กกต.รับคำร้องของบุคคลนิรนาม นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายนพรุจ วรชิตวุฒิกุล อดีตแกนนำกลุ่มพิราบชาว 2006 เป็นผู้ยื่นคำร้อง กรณีของนายทักษิณ ชินวัตร เชิญแกนนำ 6 พรรคร่วมรัฐบาลเดิมไปร่วมประชุมกับนายทักษิณที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อพิจารณาเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลง
ซึ่งนายทักษิณไม่ใช่สมาชิกพรรค กระทำการครอบงำ ชี้นำ และ 6 พรรคการเมืองยินยอมให้นายทักษิณ ครอบงำ ชี้นำมีมูล
ผมเห็นว่าการที่ กกต.รับคำร้องและพิจารณาว่าคำร้องมีมูล น่าจะมาจากองค์ประกอบของคำร้อง ที่ได้ปรากฏภาพมีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เดินทางเข้าไปบ้านจันทร์ส่องหล้า เพื่อพบกับนายทักษิณ ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกพรรค แต่ในรายละเอียดของการครอบงำพรรค จะต้องนำสืบต่อไปว่า มีหลักฐานอะไรบ้างที่บ่งบอก หรือชี้ชัดว่านายทักษิณได้สั่งการครอบงำพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรคจริง เช่นคลิปเสียง คลิปภาพวิดีโอ พยานบุคคล เพื่อนำมายืนยันว่า นายทักษิณเป็นบุคคลภายนอกมาชี้นำ และครอบงำพรรคการเมือง ซึ่งถ้าปรากฏหลักฐานชัดเช่นนี้ โอกาสที่พรรคการเมืองทั้ง 6 พรรคถูกยุบก็มีสูง
การที่กกต. ตั้งคณะกรรมการสอบสวนคำร้องยุบพรรคเพื่อไทย ก็เป็นขบวนการของกกต. ที่จะต้องเร่งหาข้อสรุปให้ได้ข้อยุติ เพราะในการครอบงำพรรคเพื่อไทยของนายทักษิณ ได้ถูกร้องโดยนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ถ้าหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้อง และกกต.มีมติว่า คำร้องมีมูล ส่งต่อให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อจะให้ข้อหาการครอบงำพรรค และยุบพรรคเดินไปพร้อมกัน
แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการพิจารณายุบพรรค ต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน เมื่อถึงตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่า คดียุบพรรคเพื่อไทยกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของรัฐบาล อะไรจะมาถึงก่อนกัน ระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งจากคำร้องยุบพรรค กับพ้นตำแหน่งจากอุบัติเหตุทางการเมือง หรือความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาล