“เทพไท”ค้านขยายอายุความ“คดีตากใบ” อย่าดัดจริตทำเสียหลักการของกฎหมาย

“เทพไท” ค้านสุดตัว ข้อเสนอขยายอายุความคดีตากใบ ชี้เป็นการแก้ปัญหาปลายเหตุ-แก้ไม่ถูกจุด-เกาไม่ถูกที่คัน ทำกระบวนการยุติธรรมไทยเกิดความลักลั่น ย้ำอย่าตะแบง ดัดจริตแก้ไขอายุความ จนเสียระบบ-เสียหลักการของกฎหมาย

เมื่อวันที่ 23 ต.ค.67 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิป-เนื้อหาในหัวข้อ “ออก พ.ร.ก.อายุความคดีตากใบ แก้ปัญหาปลายเหตุ” ระบุว่า “ผมเห็นข่าวนักวิชาการเสนอให้รัฐบาลออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อหยุดอายุความของคดี 85 ศพตากใบ ที่กำลังจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคม 2567 จนนายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาชี้แจงว่า กำลังให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาอยู่นั้น

ผมเห็นว่าเป็นการเสนอแนวทางเพื่อหาทางออกให้กับรัฐบาล ต้องการจะขยายเวลาการจับกุมผู้ต้องหา ในคดีตากใบออกไป ซึ่งหลักกฎหมายของทุกประเทศ ทุกคดีย่อมมีอายุความ การกล่าวอ้างว่าผู้ต้องหาหนีคดีจนหมดอายุความ แล้วจะมาหยุดหรือขยายอายุความ ซึ่งขัดต่อหลักกฏหมายสากล เป็นเรื่องปกติที่ผู้ถูกดำเนินคดีหรือผู้ต้องหาจะหนีการจับกุมเหมือนกันในทุกประเทศ แต่หน้าที่ของผู้บังคับใช้กฎหมายก็ต้องจับกุมตัวผู้ต้องหามาให้ได้ ในอายุความที่กฎหมายกำหนด การขยายอายุความโดยไม่กำหนดอายุความในคดีต่างๆ น่าจะมีเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น

ถ้าหากจะนำเรื่องอายุความของคดีตากใบ ที่กำลังจะหมดอายุความ มาเป็นเหตุให้ออกพรก.ให้หยุดหรือขยายระยะเวลาอายุความออกไปนั้น เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด ต้องดูต้นเหตุของการหมดอายุความในคดีนี้ ที่ระยะเวลาผ่านมานานถึง 20 ปี แต่ไม่มีความคืบหน้า น่าจะอยู่จากเหตุผล 2 ส่วน คือ 1.เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบคดี ดำเนินคดีล่าช้า 2.การบังคับใช้กฎหมายในการติดตามจับกุมผู้ต้องหา ไม่มีประสิทธิภาพ ถ้าหากเราแก้ปัญหา 2 ส่วนนี้ได้ คดีความต่างๆ ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องอายุความเลย

อย่าว่าแต่คดีตากใบเลย มีหลายคดีที่นักโทษที่ถูกคำพิพากษาจำคุกหนีคดีไปต่างประเทศ การบังคับใช้กฎหมายของกระบวนการยุติธรรมไทย ก็ยังปฎิบัติไม่ได้ เช่น นายทักษิณ ชินวัตร หนีคำพิพากษาโทษจำคุก ไปต่างประเทศนานถึง 17 ปี ก่อนกลับมาตามดีลการเมือง ถ้าไม่มีดีลทางการเมือง ก็คงยังไม่กลับมา และไม่สามารถจับกุมได้ รวมถึงกรณีนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ตอนนี้กำลังชิมข้าวซอย อยู่ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มีภาพความเคลื่อนไหวอยู่เป็นประจำ แต่กระบวนการยุติธรรมไทยไม่สามารถนำตัวมารับโทษได้ ปล่อยประละเลย ทั้งๆ ที่รู้ว่า นักโทษเหล่านั้นพักพิงอยู่ที่ไหน

ถ้าหากมีแนวความคิดเช่นนี้อยู่ในนักกฎหมายไทย คดีใดที่จับกุมผู้ต้องหาไม่ได้ และกำลังจะหมดอายุความรัฐบาล ก็ออก พ.ร.ก.ขยายความต่อไป ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แก้ไม่ถูกจุด เหมือนเกาไม่ถูกที่คัน และทำให้กระบวนการยุติธรรมไทยเกิดความลักลั่น

จึงอยากจะให้ยึดหลักการของกฎหมายเมื่อจับผู้ต้องหาไม่ได้ คดีหมดอายุความ ก็ต้องยอมรับความจริงว่า กระบวนการยุติธรรมไทยมีปัญหา ไม่ต้องตะแบง หรือดัดจริตไปแก้ไขอายุความจนเสียระบบ และเสียหลักการของกฎหมาย”