”นายกฯ”ปัดไม่แสดงความคดีตากใบหมดอายุความ ด้าน”ทวี”โยน”บิ๊กอ้วน”พิจารณาออกพรก.ย้ำรัฐบาลมีความรับผิดชอบและไม่อยากให้คดีนี้ขาดอายุความ
เมื่อวันที่ 23 ต.ค.67 ที่ลานพระราชวังดุสิต ภายหลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี วางพวงมาลาเนื่องในวันปิยมหาราชแล้วได้ปฏิเสธให้ความเห็นถึงข้อเสนอให้รัฐบาลออกพระราชกำหนดหรือ พ.ร.ก. ต่ออายุคดีสลายการชุมนุมหน้าสภ.ตากใบ ที่จะหมดอายุความในวันที่ 25 ต.ค.นี้ โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า ขอไปก่อนนะคะ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อขยายอายุความของคดีตากใบ ว่า เรื่องนี้ต้องไปถาม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งดูความมั่นคง เพราะการจะออกกฏหมายเรื่องใดเรื่องหนึ่งต้องมีการศึกษาว่าทำได้หรือไม่
เมื่อถามว่า เวลาที่เหลืออีก 2 วัน ก่อนที่คดีหมดอายุความจะสามารถออก พ.ร.ก.ได้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อายุความเป็นกฎหมาย แล้วพ.ร.ก.จะใหญ่กว่ากฎหมายได้อย่างไร ย้ำว่าต้องถามรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง แต่กระทรวงยุติธรรมไม่มีประเด็นนี้
เมื่อถามว่า ที่พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมาว่าหวังจะมีปาฏิหาริย์ หมายความว่าอย่างไร พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เมื่อเราตั้งใจทำงานอะไรด้วยความพยายามก็อาจจะประสบผลสำเร็จได้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามีสัญญาณอะไร เพียงแค่รับทราบจากฝ่ายสืบสวนว่ามีการไปพิสูจน์ทราบถึงที่อยู่แล้ว แต่ยังไม่พบตัว ตอนนี้ยังไม่ได้หมดหวัง ยังมีเวลา ต้องให้เขาทำงานอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า กังวลว่าจะกระทบกับฐานเสียงของพรรคประชาชาติ ในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อย่าเพิ่งกังวลเรื่องฐานเสียง เราต้องกังวลเรื่องความยุติธรรม เพราะความยุติธรรมที่ล่าช้าคือความอยุติธรรม สำหรับญาติผู้เสียหาย การเยียวยาก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ที่เขาต้องการคือไม่ต้องการให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่ในการรื้อฟื้นคดีก่อนขาดอายุความก็มีการมาเริ่มเอาในปีสุดท้ายคือช่วงเดือนม.ค. 2567 ความพยายามของกระบวนการยุติธรรม ก็ทำไปจนกระทั่งมีหมายจับ
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า ในนามของผู้ปฏิบัติก็มีความกังวลด้วยอายุความที่เหลือน้อย ส่วนการหลบหนีก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเขาเห็นช่องว่างของอายุความที่ใกล้หมด ซึ่งมีหลายกรณีที่หลบหนีไปจนคดีหมดอายุความ จึงเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล และหากคดีดำเนินไปจนหมดอายุความ รัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยที่มาจากประชาชนก็ต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้รับรู้ ซึ่งตนก็เข้าใจว่าญาติของผู้เสียหายเขาไม่ได้ตั้งใจจะไปทำร้ายผู้ต้องหา เพียงแค่ต้องการความเป็นธรรมให้ผู้ที่สูญเสีย
“ขอย้ำว่าคดีตากใบผ่านมาหลายรัฐบาลแล้ว แต่รัฐบาลนี้มีความรับผิดชอบด้วยซ้ำที่ไม่อยากให้คดีนี้ขาดอายุความ จึงได้รื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมา แต่เราไม่สามารถไปแทรกแซงศาลและอัยการได้ โดยในมุมของประชาชนที่ฟ้องร้องคดีก็จะมีความภูมิใจว่าครั้งหนึ่งเคยออกหมายจับอดีตแม่ทัพได้ เพราะที่ผ่านมาญาติพี่น้องผู้สูญเสียเคยถูกออกหมายจับอย่างเดียว แต่วันนี้เขาคืนความเป็นธรรมด้วยการทำให้กระบวนการยุติธรรมออกหมายจับฝ่ายราชการได้” พ.ต.อ.ทวี กล่าว
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า หากมีช่องทางใดที่รัฐบาลสามารถทำได้ก็จะทำ รวมถึงข้อเสนอที่ให้พ.ร.ก. ซึ่งก็ได้ศึกษาและพบว่าหากจะออก พ.ร.ก.จะยืดอายุความแค่ 8 คนหรือทั้ง 4,000 คน หรือผู้ที่ไม่ออกหมายจับอีกเป็นแสนคน จึงอาจถูกมองว่าเป็นการออกกฏหมายเพื่อใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่ แต่หากรัฐบาลทำได้ก็อยากทำ
เมื่อถามถึง กรณีที่อาจจะมีผู้ต้องหาหลบหนีไปประเทศลาว พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า การตามจับผู้ต้องหาในแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน เช่น กรณีของแป้งนาโหนด ที่กระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปช่วยสนับสนุนข้อมูล แต่ในกรณีของคดีตากใบ ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่าผู้ต้องหาที่เป็นข้าราชการ ผู้บังคับบัญชาควรนำตัวมาให้
เมื่อถามว่า ทางภาคประชาสังคมอาจจะนำเรื่องนี้ไปฟ้องต่อศาลระหว่างประเทศ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนต้องขอชื่นชมประชาชนทุกภาคส่วน เพราะเรื่องความยุติธรรมเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ รัฐบาลไม่มีความกังวลแต่อย่างใด เพราะรัฐบาลไม่ได้ช่วยเหลือใคร และไม่มีอคติในการช่วยเหลือใคร อีกทั้งยังต้องการให้ผู้ต้องหาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเรายึดหลักว่าใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเป้าหมายหลักสุดท้าย