“สนธิญา”ไม่ทนยื่นศาลแพ่งสั่งให้กระทรวงดิจิทัลฯปิดเพจ “อีซ้อขยี้ข่าว”ลั่นบางข่าวเป็นข่าวเท็จและไม่มีตัวตน ทำให้เสียหาย
เมื่อเวลา 10.20 น.วันที่ 25 ต.ค. ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก นายสนธิญาณ สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาพผู้แทนราษฎร และอดีตผู้สมัครสส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวขณะเดินทางเดินทางมายื่นคำร้องขอให้ศาลแพ่งสั่งปิดเพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว’ ว่า ก่อนหน้านี้เพจเฟซบุ๊ก “อีซ้อขยี้ข่าว” มีการโพสต์พาดพิงว่า มีคลิปเสียงที่ตนเองพูดคุยกับนายวรัตน์พล วรัทน์วรกุล หรือ บอสพอล และมีการเรียกรับเงิน ซึ่งตนยืนยันว่าไม่รู้จักบอสพอล หรือแม้กระทั่ง บ.ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด และตนเองไม่เคยได้รับผลประโยชน์แต่อย่างใด
ดังนั้นหากเห็นว่าบ.ดิไอคอนฯ กระทำผิด ก็ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้เมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่กองปราบปราบ ตนก็ได้สาบานแสดงความบริสุทธิ์ใจต่อหน้าท้าวเวสสุวรรณ , พระไพรีพินาศ พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ จ.นครศรีธรรมราช และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วว่า ถ้าหากตนเองโกหกขอให้ตนและครอบครัวมีอันเป็นไป ซึ่งหลังจากได้สาบานก็ทำให้สบายใจขึ้น ทั้งนี้ตนได้รับผลกระทบ ถูกใส่ร้ายด้วยความเท็จ และต้องการจะฟ้องเจ้าของเพจอีซ้อขยี้ข่าว แต่ก็หาไม่เจอ เพราะไม่มีตัวตน ไม่ระบุสถานที่ว่าตั้งอยู่ตรงไหน ไม่รู้ว่าใครเป็นเจ้าของเพจ และมองว่าการกระทำของเพจดังกล่าว บางครั้งโพสต์ข่าวมีประโยชน์ แต่บางครั้งก็โพสต์ข่าวที่คลาดเคลื่อน ไม่ตรงความจริง ถ้าภายหลังทางเพจอีซ้อขยี้ข่าวโทรศัพท์ติดต่อมาขอโทษ ตนยังไม่ยินยอม แต่ จะยินยอมถอนฟ้องให้ ก็ต่อเมื่อมีการโพสต์ขอโทษผ่านเพจและสื่อมวลชนเท่านั้น
นายสนธิญา กล่าวต่อว่า เพจอีซ้อขยี้ข่าว มีการโพสต์หลายเรื่อง ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะการที่กล่าวหาว่า ไร่เชิญตะวัน ของพระเมธีวชิโรดม หรือ ท่านว.วชิรเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ (พระอารามหลวง) ว่าไปบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติดอยปุย จ.เชียงราย ด้วยเหตุนี้ตนจึงมายื่นคำร้อง เพื่อขอให้ศาลแพ่ง มีคำสั่งไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอีเอส ให้ลบเพจอีซ้อขยี้ข่าว รวมทั้งจะขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวด้วย ไม่ให้เพจอีซ้อขยี้ข่าว ลงโพสต์ข่าวอีกต่อไป เพราะเพจอีซ้อขยี้ข่าว ทำให้ตนเองเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ซึ่งศาลจะต้องให้ความยุติธรรมกับผู้ที่ได้รับความเสียหาย