“ซูเปอร์โพล” เผยผลสำรวจเรื่อง “คดีตากใบ กับ ความสงบสุขของประชาชน” พบมีแค่ร้อยละ 12 ที่มีความรู้เรื่องคดีตากใบ
เมื่อวันที่ 27 ต.ค.67 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง คดีตากใบ กับ ความสงบสุขของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น จำนวนทั้งสิ้น 1,089 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 24-26 ต.ค.67 ที่ผ่านมา ผลสำรวจพบว่า ความรู้เกี่ยวกับคดีตากใบในหมู่ประชาชนยังคงมีความหลากหลาย โดยมีเพียง 12.4% เท่านั้นที่รับรู้รายละเอียดของเหตุการณ์อย่างละเอียด 15.6% รับทราบค่อนข้างละเอียด 48.2% รับรู้แต่ไม่รู้รายละเอียด และ 23.8% รู้น้อยมากหรือไม่รู้เรื่องนี้เลย ส่วนทัศนคติต่อคดีนี้ มีประชาชนถึง 69.7% รู้สึกเศร้าใจมากถึงมากที่สุดต่อเหตุการณ์คดีตากใบ ขณะที่ 7.8% รู้สึกเศร้าใจน้อยถึงไม่รู้สึกเลย และ 22.5% ไม่มีความเห็น
นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่เห็นว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการเยียวยาความรู้สึกของผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง โดยมีถึง 83.9% ที่เห็นด้วยกับการเยียวยาอย่างต่อเนื่อง เพียง 1.3% เท่านั้นที่รู้สึกว่าไม่จำเป็น และ 14.8% ไม่มีความเห็น การสำรวจยังพบว่า 80.1% ของประชาชนเชื่อว่าความขัดแย้งในคดีตากใบควรจบลงได้แล้วและทุกฝ่ายควรหยุดปมขัดแย้ง หันหน้ามาช่วยกันหาทางออกด้วยสันติวิธีเพื่อความสงบสุขของประชาชน มีเพียง 11.4% ที่คิดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังไม่ควรจบ และ 8.5% ไม่มีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
ผู้อำนวยการซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ ชี้ให้เห็นชัดว่าสังคมไทยมีความต้องการอย่างมากในการหาทางแก้ไขปัญหาและความขัดแย้งในเรื่องนี้อย่างสันติและยั่งยืนเพื่อความสงบสุขที่ยั่งยืนในประเทศ ดังนั้น คณะทำงานจึงได้จัดทำข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องและต่อประชาชนด้วยว่า
ประการที่ 1. ต่อรัฐบาลและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลควรรับรองความโปร่งใสและความยุติธรรมในการดำเนินคดี โดยปฏิบัติตามกระบวนการทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่ให้มีการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองหรืออิทธิพลภายนอก การติดตามและเรียกตัวผู้ต้องหา ควรเพิ่มความพยายามในการติดตามและเรียกตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ให้มาขึ้นศาลตามขั้นตอนของกฎหมาย เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมสามารถดำเนินไปได้โดยครบถ้วน
ประการที่ 2. ต่อประชาชน การศึกษาและการเข้าถึงข้อมูล ประชาชนควรได้รับการสนับสนุนให้เข้าถึงข้อมูลคดีและกระบวนการทางกฎหมายอย่างเต็มที่ โดยรัฐบาลควรจัดทำข้อมูลให้เข้าใจง่ายและเปิดเผยอย่างกว้างขวาง เพื่อให้ทุกคนเข้าใจสถานการณ์และสามารถติดตามความคืบหน้าได้ การส่งเสริมการมีส่วนร่วม ควรมีการสนับสนุนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมผ่านช่องทางต่างๆ เช่น การแสดงความคิดเห็น, การเข้าร่วมเป็นสักขีพยานหรือการให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
ประการที่ 3. ข้อเสนอร่วมกันทุกฝ่าย การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ รัฐบาลและสื่อมวลชนควรทำงานร่วมกันในการรายงานความคืบหน้าของคดีและผลกระทบที่เกิด ขึ้นอย่างตรงไปตรงมาและต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความเข้าใจที่ดีต่อประชาชน
อย่างไรก็ตาม คดีตากใบยังคงเป็นหัวข้อที่ต้องจับตามอง และความร่วมมือจากทุกฝ่ายจะช่วยให้สังคมไทยสามารถเคลื่อนผ่านความท้าทายนี้ไปได้อย่างเป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ