“เต้น ณัฐวุฒิ” เข้าทำเนียบ ฐานะที่ปรึกษาของนายกฯ ประเมินช่วงนี้ยังไม่มีม็อบใหญ่ต้านรัฐบาล หวังช่วงปิดสมัยประชุมพรรคร่วมรัฐบาลเคลียร์ได้ข้อสรุปกฎหมายนิรโทษกรรม มาตรา 112 ยืนยันไม่เปลี่ยนจุดยืน แต่ต้องผสานรัฐบาลผสมไม่ขัดแย้งเพิ่มอีก
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเที่ยงวันนี้ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล และได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้ามาทำเนียบในฐานะที่ปรึกษาของนายกฯ ว่า เพื่อประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้อง ซึ่งก็มาหลายครั้งแล้ว แต่วันนี้ได้แวะมาเยี่ยมสื่อมวลชน ซึ่งวันนี้ไม่ได้มีวาระในการประชุมหรือมีประเด็นอะไรเป็นพิเศษ และตั้งแต่มีคำสั่งแต่งตั้ง ก็ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ทั้งเรื่องการประเมินสถานการณ์ข่าวสารการเมือง และความเคลื่อนไหวอื่นๆ ซึ่งทำงานร่วมกับส่วนต่างๆ นอกเหนือจากนั้นแล้วแต่นายกฯมอบหมายให้ทำภารกิจใดเพิ่มเติม
ส่วนนายกฯ มอบหมายให้ดูแลกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองยังไม่ปรากฏความเคลื่อนไหว ส่วนผู้ชุมนุมที่มีข้อเรียกร้องเดือดร้อนจากการทำกินการทำมาหากินหรือการดำรงชีพต่างๆ มีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์อยู่แล้ว และก็ได้ประสานความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง
นายณัฐวุฒิ กล่าวถึงสถานการณ์กลุ่มการเมืองจะออกมาเคลื่อนไหวในช่วงนี้หรือไม่ ในฐานะที่มีประสบการณ์มาก่อน ว่า ในเรื่องนี้ความเคลื่อนไหวมีมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน ทั้งการชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ และการรวมตัวแสดงความเห็นต่างๆ การชุมนุมขนาดใหญ่หลักหมื่นคนอย่างที่เคยเห็นก่อนหน้านี้เข้าใจว่ายังไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ทางรัฐบาลก็ยังไม่มีหน่วยงานใดติดตามความเคลื่อนไหวเหล่านี้เป็นกรณีพิเศษ ในการแสดงออก และมุ่งเน้นการผลักดันผลงานการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนมากกว่า
ส่วนภายหลังรับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ ได้มีคำแนะนำใดให้กับรัฐบาลแล้วบ้างนั้น นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าสำหรับข้อคิดเห็นหรือข้อเสนอพูดคุยในวงคณะทำงาน ซึ่งตนเองคงไม่เสนอแนะนายกฯ และรัฐบาลผ่านสื่อฯ แต่จะเสนอแนะไปตามช่องทางที่เหมาะสม
ทั้งนี้ในเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรมจะมีเรื่องใดที่จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวกระทบต่อรัฐบาลหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน ไม่มีข้อโต้แย้งในส่วนที่ทุกพรรคเห็นตรงกัน คือ เห็นชอบที่จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อเป็นเครื่องมือในการลดความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา แต่ส่วนที่ยังมีความเห็นต่างคือ กฎหมายนิรโทษกรรมที่จะออกมา โดยเฉพาะมาตรา 112 ที่ยังมีข้อเห็นต่างอยู่ ซึ่งตนเห็นว่าสภากำลังจะปิดสมัยประชุม และจะมีการพิจารณากฎหมายนี้หรือไม่อย่างไร ก็คิดว่าจะอยู่ในสมัยประชุมหน้า
ดังนั้นช่วงเวลาที่ว่างเว้นจากการประชุมสภา ตนเองเชื่อว่าพรรคการเมืองต่างๆ ตลอดจนกลุ่มก้อนภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวก็จะมีการปรึกษาหารือกัน และการเดินหน้าเรื่องนี้หลักการคือจะต้องไม่ไปขยายความขัดแย้งใดๆ เพิ่ม ตนเองจึงคิดว่าการรักษาบรรยากาศไม่ให้ช่วงเวลานี้ไปมีเงื่อนไขความขัดแย้งใดๆ เพิ่ม แต่หากมีการพูดคุยกัน ซึ่งในพรรคเพื่อไทย มีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ได้มีการพูดคุย ว่าจะมีกรรมการยุทธศาสตร์มีกรรมการบริหาร และจะหารือ และมีข้อสรุปกัน ว่าจะมีร่างนี้ออกมาประกบหรือไม่ ส่วนอื่นๆก็น่าจะเช่นเดียวกัน เชื่อว่าจะมีการคุยกันภายใน ถึงเวลาก็ต้องเอาไปพูดคุยกันในสภาก็ถือเป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐสภาที่จะพูดคุยกัน
ส่วนจุดยืนของตนต่อเรื่องนี้ ก็ได้แสดงความคิดเห็นหลายๆครั้งแล้ว คือมีจุดยืนเดิม และหวังว่าข้อขัดแย้งที่มีอยู่จะใช้ช่วงเวลานี้ มาปรึกษาหารือแลกเปลี่ยนกันได้ ส่วนมีประเด็นไหนที่รัฐบาลจะต้องระมัดระวังเพื่อไม่ให้เป็นการจุดฉนวนเกิดม็อบขึ้นได้ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าจะต้องไม่ไปเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้งไปถึงฝ่ายใด จึงเป็นเรื่องหลักที่ทุกรัฐบาล ไม่ใช่แค่รัฐบาลนี้ต้องยึดถือปฏิบัติอยู่แล้ว และจะสังเกตเห็นว่าตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา จนมาถึงนายกฯ แพทองธาร ก็ไม่มีท่าทีนี้ ขณะนี้เรื่องใหญ่ที่สุดของรัฐบาลคือพยายามผลักดันนโยบายหรือเนื้องานในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน ส่วนความขัดแย้งทางการเมืองๆก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่ใช่ไม่สำคัญ แต่การจัดบรรยากาศการจัดเวทีเรื่องนี้มันมีความละเอียดอ่อน ตนคิดว่าให้เป็นเรื่องของพรรคการเมืองและฝ่ายสภาไปว่ากัน ใครมีความคิดเห็นด้านใดก็แสดงออกด้วยท่าทีที่เหมาะสมน่าจะดีที่สุด
ทั้งนี้ได้พูดคุยกับนายแพทย์เหวง โตจิราการแกนนำ นปช.หรือไม่ ภายหลังเข้ารับตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกฯ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ยังไม่มีโอกาสนั่งพูดคุยอย่างเป็นทางการส่วนตัว แต่ก็มีเหตุผลในการตัดสินใจของตนเอง มีวิถีทางในการเลือกเดิน ซึ่งแน่ใจว่าความเป็นตัวของตัวเองในอดีตจนถึงปัจจุบันยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“วิธีการคิด วิธีการเดินอาจจะมีการปรับเปลี่ยนบ้างไปตามสถานการณ์ แต่เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ ตลอดเส้นทางที่ผ่านมาเมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเพื่อนมิตรและพี่น้อง ผมเองเลือกที่จะเงียบ แล้วทำตามสิ่งที่ตนเองเชื่อ และเดินตามทางที่เลือกและให้เวลาอธิบายเรื่องทั้งหมดดีกว่า” นายณัฐวุฒิ กล่าว
สำหรับโครงการดิจิตอล วอลเล็ตและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ดูเหมือนมีความยากขึ้นทั้งที่เป็นนโยบายหาเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย จะมีนโยบายใดเพื่อเรียกคะแนนเสียงกลับมาในการเลือกตั้งครั้งต่อไป นายณัฐวุฒิ กล่าวว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังรีบดำเนินการทำงานกันอย่างเต็มที่ ซึ่งยังมีเวลาทำงานเกือบ 3 ปี ประเด็นดังกล่าวที่มองว่ายากอาจจะคลี่คลายง่ายขึ้น และมีผลปฏิบัติได้คือการทำงานการเมืองในรัฐบาลผสมไม่มีอะไรเดินหน้าไปได้ด้วยก้าวใหญ่ๆ เพราะยังมีเรื่องที่เห็นต่างกันก็มี จึงเป็นเรื่องที่ผู้เกี่ยวข้องจะหาทางให้ได้ข้อสรุปร่วมกันและเดินต่อไปได้ ส่วนตนเองมีความเห็นว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยตัดสินใจจะเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลความรับผิดชอบทั้งหลายต่อปัญหาของประชาชนก็ต้องทำให้เต็มที่ จะปรากฏผลงานที่ชัดเจนหรือไม่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสัมภาษณ์เสร็จ นายณัฐวุฒิ ก็ได้เดินไปเคารพรูปภาพของนางยุวดี ธัญญสิริ อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโส ประจำทำเนียบรัฐบาล ที่เสียชีวิตไปแล้วแต่ยังคงมีภาพนางยุวดีติดไว้บริเวณผนังห้องทำงานของสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล โดยนายณัฐวุฒิ เล่าประสบการณ์เมื่อครั้งที่ดำรงตำแหน่งเป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ถูกนางยุวดีอบรมเรื่องการแถลงข่าวและการทำงานในรัฐบาลมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ นายณัฐวุฒิเดินทางมาพบสื่อมวลชนที่บริเวณหน้ารังนกกระจอกสอง แต่ระหว่างที่เตรียมจะสัมภาษณ์ได้เกิดฝนตกลงมาจึงเข้ามาภายในห้อง และหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้นนายณัฐวุฒิ ก็ได้กลางร่มและเดินออกจากรังนกกระจอก ขึ้นไปยังตึกไทยคู่ฟ้า