“ฟิล์ม” อ่วม “อี้ แทนคุณ” ทวงเงินคืนผู้เสียหายที่หลอกเทรกหุ้นดูไบ 60 ล้าน ลั่น “บ้าน-รถ” ที่มีเยอะแยะ ตายก็เอาไปไม่ได้ แต่บาปบุญตามติดไปยันภพหน้า ขยี้ต่อทำชาวบ้านตายใจ เหตุเป็นเอฟซีหลอกลงทุน 60 ล้าน ได้กลับมาแน่ 300 ล้าน สุดท้ายรับเอง พอทวงถามกลับบอกใช้เงินหมดแล้ว แย้ม พบอีก หลอกลงทุน“บริษัทพลังงาน” แต่ไม่มีอยู่จริง
วันที่ 14 พ.ย.2567 ที่รัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงคดีที่นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม ศิลปินชื่อดัง และ พี่ชาย เชิญชวนประชาชน จ.ตรัง มาลงทุน เทรดหุ้นดูไบ 60 ล้านบาท ว่า เรื่องนี้นายรัฐภูมิ และพี่ชาย รวมไปถึงพรรคพวกของเขาไปเชื้อเชิญ คนให้มาลงทุนคล้ายกับกรณี Forex โดยให้ผู้เสียหายจ่ายเป็นเงินสด จำนวน 20 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็ให้ผู้เสียหายไประดมทุนมา ปรากฏว่าผู้เสียหายระบุว่าการเทรดนั้นไม่มีอยู่จริง แต่ทางฝั่งนายรัฐภูมิ ระบุว่าไปเทรดแล้วแต่ผิดพลาด ภายหลังผู้เสียหายไปพบว่ามีการเอาเงินที่อ้างว่าไปเทรดแบ่งกันเอง และมีคนในกลุ่มบางคนรู้สึกผิดเอา จึงเงินไปคืนให้กับผู้เสียหายเพราะไม่อยากเป็นคดี จำนวนมากกว่า 20 ล้านบาท ตนก็กำลังติดตามอยู่ กำลังตรวจสอบกว่าคนที่ร่วมเดินทางไปในเครื่องบินเพื่อไปเอาเงินสดในวันนั้นมีใครบ้าง ซึ่งมีผู้บริหารของบริษัทหนึ่ง ที่นายรัฐภูมิ เคยทำงานอยู่เป็นบริษัทเกี่ยวกับแอพพลิเคชั่น ตอนนั้นก็โด่งดังพอสมควร ซึ่งมีผู้เสียหายตั้งข้อสังเกตว่า บริษัทแอพพลิเคชั่น ดังกล่าวมีปัญหา จึงต้องนำเงินส่วนนี้ไปโปะหรือไม่ และพอตรวจสอบไปที่ศิลปินท่านนี้ว่าเงินไปไหน เขาก็บอกว่าใช้หมดแล้วจำนวนหลายล้านบาท ทำให้ทำให้ผู้เสียหายรู้สึกเสียใจ
“ด้วยความที่เขาไปหาถึงบ้านเลย เขาไปขอเงินมา ไปถ่ายรูปกับคุณแม่ ซึ่งคุณแม่ผู้เสียหายก็ปลื้ม แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลับกลายเป็นอีกด้านหนึ่ง เขาไปเชื้อเชิญว่าลงทุน 60 ล้าน จะได้กลับมา 300 ล้าน ยิ่งทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ เหมือนผู้เสียหายได้เห็นพอร์ต แต่ไม่รู้ว่าเขาเอาพอร์ตที่ไหนมาให้ผู้เสียหายดู พอถึงเวลาลงทุนจริงๆ กลับไม่ได้อะไรกลับมา ไม่มีเงินปันผล เขาเลยต้องติดตามทวงถามเป็นปีๆ จนในที่สุดนำไปสู่การฟ้องดำเนินคดี“ นายแทนคุณ กล่าว
เมื่อถามว่าตามใบแจ้งความผู้ถูกกล่าวหาคือพี่ชายของนายรัฐภูมิ ความผิดจะมาถึงนายรัฐภูมิด้วยหรือไม่ นายแทนคุณ กล่าวว่า ตนไม่ได้กล่าวหา แต่เป็นการตั้งสมมุติฐาน ถ้าเขารู้เห็นเป็นใจตั้งแต่แรก ก็ถือเป็นตัวการร่วมหรือไม่ เพราะมีการรับเงินรับทอง และพูดคุยกันตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ยังไม่ใช่รายนี้แค่รายเดียว แต่ยังมีบริษัทพลังงานบริษัทหนึ่ง ที่จังหวัดราชบุรี ติดต่อมาที่ตนว่าโดนคล้ายๆกัน ซึ่งไม่ได้เป็นการตบทรัพย์ แต่เป็นการชวนมาลงทุน ตอนนี้ตนยังพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะเรื่องอยู่ในกระบวนการ หากตำรวจส่งฟ้องอัยการ ตนคงพูดได้มากขึ้น
เมื่อถามว่ากรณีของบริษัทพลังงานเป็นไปในลักษณะไหน นายแทนคุณ กล่าวว่า เขาชวนลงทุน เกี่ยวกับพลังงานสะอาด การกำจัดขยะ โดยมีการจัดอีเวนท์ ให้ไประดมทุน สุดท้ายก็หลอกลวงไม่มีอยู่จริง
เมื่อถามว่าที่ผ่านมานายรัฐภูมิ ระบุว่า เขาทำบริษัทเกี่ยวกับการพีอาร์ แสดงว่าไม่จริงใช่หรือไม่ นายแทนคุณกล่าวว่า ลักษณะของเขาอาจจะไปช่วยสร้างภาพลักษณ์ ให้บริษัทต่างๆก็เป็นไปได้ เนื่องจากนายรัฐภูมิเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว สิ่งที่เขาพูดเราไม่อยากหักล้าง ว่าเป็นเท็จทั้งหมด แต่เขารู้อยู่แล้วว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ บางทีก็มีบริษัทลักษณะนี้ที่ชวนลงทุนขายตรง ก็จะชวนศิลปินที่มีชื่อเสียงไปร่วมในอีเวนท์ต่างๆ ซึ่งตนคิดว่าหากเป็นคนที่คร่ำหวอดในวงการธุรกิจจะต้องเอะใจแล้วว่าได้ผลตอบแทนอย่างนั้นจริง
เมื่อถามว่าหากคดีล่าช้าจะยื่นหน่วยงานอื่นให้เร่งรัดหรือไม่ นายแทนคุณ กล่าวว่า ตนได้แจ้งผู้ใหญ่บางท่านไปแล้ว ผู้เสียหายก็สงสัยว่า ทำไม 3 ปีแล้วคดีถึงยังไม่คืบหน้า แต่พอประสานไปกับทางผู้ใหญ่เดี๋ยวท่านก็จะดูให้ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา
“ผมขอฝากไปถึงคนที่ใช้ภาพลักษณ์ ชื่อเสียงตัวเอง ไปทำให้ผู้เสียหายตายใจ โดยเฉพาะศิลปินดาราทั้งหลาย ผมคิดว่ามันไม่ยั่งยืน ทำไปอาจจะได้เงินมาซื้อรถ 10 คัน ได้บ้านหลังใหญ่ แต่ก็เป็นเงินบนความทุกข์คนอื่น มันทำให้ผู้เสียหายต้องเดือดเนื้อร้อนใจ หลายกรณีผู้เสียหายจิตตก เพราะเขาโดนฟ้อง จากการชวนคนอื่นมาลงทุนต่อด้วย เขาก็ทุกข์ทรมานใจจากความหวังดี จากความรัก ความศรัทธา เพราะพลิกกลับไปมันเป็นด้านมืดของชีวิตตัวเอง หลายคนคิดสั้นฆ่าตัวตาย ในขณะที่มีลูกเล็กต้องดูแล ไม่อยากให้ตัวเองเป็นเหยื่ออย่างเดียว แต่อยากให้เป็นบทเรียนของสังคมว่าถ้าเกิดเหตุการณ์ลักษณะชวนลงทุนโดยศิลปินดารา หรือคนที่มีชื่อเสียงเราต้องเช็คให้ดี อย่าเชื่อแค่ภาพลักษณ์อย่างเดียว ถ้าลงทุนจริงก็ดี แต่ถ้าลงทุนไม่จริงก็จะเป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้”นายแทนคุณ กล่าว
นายแทนคุณ กล่าวต่อว่า หากระบบราชการเร็วอาชญากรรม อาญากรทางเศรษฐกิจ และมิจฉาชีพทั้งหลายก็จะไม่ชะล่าใจ และไม่อยากให้มีกลไกลอื่นเข้ามาแทรก ไม่ว่าจะเป็นเทวดา ตนคิดว่าเรื่องนี้ต้องหมดไปเสียที การจะวิ่งเต้นหาเส้นสายการช่วยเหลือมิจฉาชีพ ควรทำให้สิ่งเหล่านี้หมดไปโดยเร็ว และความทุจริตเชิงระบบต้องหมดไปได้แล้ว ยุคนี้ข่าวสารมันเร็ว แต่สติปัญญาต้องเร็วตามไปด้วย และระบบราชการควรมี วันสต็อปเซอร์วิส ไม่ใช่ให้ผู้เสียหายวิ่งไปทั่วกอนโน้น กองนี้ ซึ่งตนไม่ได้มีปัญหาตบทรัพย์ใดใดทั้งสิ้นแต่อยากให้หน่วยราชการผ่อนคลายเรื่องกฎ กติกาด้วย
“ไม่ว่าจะเป็นคุณฟิล์มก็ดี จะเป็นใครก็ดี ถ้าผิด ถ้ามีเงินคืนเขา ผมอยากให้คืนเขาเถอะครับ ผู้เสียหายหลายคนรอคุณ รอความหวังคุณ เงินที่คุณใช้ไปอีกไม่นาน มันก็ตายแล้ว รถที่คุณมีเยอะแยะก็เอาติดตัวไปไม่ได้ แต่บุญบาปดีชั่ว สูงต่ำ มันจะติดตามตัวคุณไปตลอดชีวิต และในภพต่อๆไปด้วย ขอให้เชื่อในกฎแห่งกรรม” นายแทนคุณ กล่าว