‘จตุพร’ จับมือ อดีตแกนนำพันธมิตร-กปปส. นำมวลชนบุก ป.ป.ช.ยื่น 4 ข้อเสนอคดีชั้น 14 ‘แก้วสรร’ ชี้ หากพบกระบวนการช่วยเหลือ ศาลฎีกาสั่งจับ ‘ทักษิณ’ กลับขังคุก ไม่ต้องรอ ป.ป.ช.ชี้มูล ด้าน ‘จตุพร’ ยังไม่ไว้วางใจการทำหน้าที่ แนะใช้ ม.157 ขู่เรียกเวชระเบียน ส่วน ‘ประสาร’ ยัน ไม่ได้ออกมาเรียกรถถัง
วันที่ 18 ธ.ค.67 เครือข่ายอดีตกลุ่มพันธมิตรประชาชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ กปปส. นำมวลชนจำนวนหนึ่ง มาที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เพื่อยื่นหนังสือหลัง ป.ป.ช. รับพิจารณาข้อกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท. ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวม 12 ราย กรณีส่งตัวนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ เพื่อให้เร่งรัดพิจารณาและดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว
นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท.อ่านข้อเสนอ เพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้
ข้อ 1 คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำ พบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยม และพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งวิธีการทั้งหมด ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าขทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน
ข้อ 2 คดีให้พักโทษอยู่บ้าน โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้างว่านักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่งเดินขึ้นบันไดอาบน้ำแต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง ดังนั้นจึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย
ข้อ 3 เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอรัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบ เกณฑ์การตรวจสอบที่เคร่งครัด ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน
เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา
ข้อ 4 เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมาสร้างเงิน สร้างพวก สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ 2 ทศวรรษ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และ หัวหน้ากระบวนการ ก็ยังยอมรับตามคำขออภัยโทษว่า ได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้แทนที่จะยอมรับโทษ กลับหลีกเลี่ยงแสดงตน เข้าครอบงำพรรค ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้ง และล่าสุด ยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วย ถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ
พร้อมกับย้ำว่า นี่คือหายนะที่เห็นได้อย่างชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ปปช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง
ขณะเดียวกัน ยังจะมีการยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม ทั้ง พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ
นายนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า จากที่เป็นนักกฎหมาย และตรวจยึดทรัพย์สินนายทักษิณมาแล้ว มองได้ว่างานนี้หลักฐานและข้อกฎหมาย ชัดเจนว่ามีมูลความผิด และตนมั่นใจในการทำงานของป.ป.ช. และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่ และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน
นานแก้วสรร ขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ หลายคนถามว่า จะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขัง และหากไม่มีการขังตามหมาย ต้องออกหมายใหม่ให่กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจศาล ฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.พรรคประชาธิปัตย์ กำลังไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดู และวินิจฉัยได้ จุดสำคัญศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช. เพราะคดีนี้เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้นนายทักษิณ เตรียมตัวได้ พร้อมกล่าวว่าหากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย
นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า ที่มาวันนี้ไม่ได้ต้องการกวักมือให้ใคร ยึดอำนาจ หรือตีงูให้กากิน หรืออยากได้ตำแหน่งแห่งหนอะไร เพราะทุกคนก็แก่กันหมดแล้ว แต่เป็นสำนึกในการเป็นพลเมือง ที่ไม่ควรสยบยอมให้ใครคนใดคนหนึ่ง กดข่มกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรให้ใครลอยตัวอยู่เหนือโทษทัณฑ์
นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ระบุว่า มาให้กำลังใจ ป.ป.ช. เพราะมีความไม่สบายใจในอนาคต และท่านทราบดี เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเอง วันนี้เรามาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน 12 คนนี้ ใครไม่ผิดคือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ตนยอมรับว่า เรื่องการไต่สวนวันนี้ยังไม่ไว้ใจ จนกว่าท่านจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถึงวันนั้นตนและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้ง
นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้เป็นที่ประจักษ์ว่านายทักษิณ ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน เวชระเบียน ป.ป.ช.ไม่มีปัญหาเรียกมาใช่หรือไม่ กรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ มีการขอไปยัง รพ.กรมราชทัณฑ์และรพ.ตำรวจ ไม่ได้ล้วงความลับผู้ป่วย ซึ่งการจะอ้างเป็นความลับ ป.ป.ช.สามารถขอเรื่องการทำหน้าที่ว่าได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 หรือไม่ หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้เวชระเบียน ป.ป.ช.ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร. , รพ.ตำรวจ แม้กระทั่งผู้บังคับบัญชาของ ผบ.ตร. คือ นายกรัฐมนตรี
ด้านนายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการป.ป.ช ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แล้ว และทางคณะกรรมการ ปปช.มีมติชัดเจนว่า หากพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้น ไม่ต้องกังวล เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตามความคาดหวังของประชาชน และตามมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันว่าทาง ป.ป.ช ทำงานตามพยานหลักฐาน เป็นหลัก ทำให้บางเรื่องบางอย่างอาจไม่ตรงตามใจของประชาชน แต่การพิจารณาของเราต้องดูพยานหลักฐาน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไต่สวน จะรวบรวมมาพิจารณา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และพร้อมเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
จากนั้นบรรดาแกนนำได้ได้เข้าไปพูดคุยเป็นการภายในกับเลขาธิการ ป.ป.ช. ด้านในอาคารด้วย