ถกประชามติมาคุ! ’เพื่อไทย‘ เอาย่อยง่าย ยันเกณฑ์ ‘เสียงข้างมากชั้นเดียว’ ยก ‘คำสัญญานโยบายรัฐบาล‘ ลงเรือลำเดียวกัน มัดตัวถล่ม ‘บางพรรคร่วมฯ’ ถ่วงขวางแก้รธน. อัดจะให้สภาฯถูก ‘รถถัง’ ยึดอีกหรือไง แซะอย่าพูดเอาหล่อ ด้าน ’ภูมิใจไทย’ โดดเดี่ยวยึด ’2ชั้น’ โต้เจ็บอย่า ‘มักง่าย’ ในวิธีการ เมินเสียงปชช.อีกค่อนครึ่ง ลั่นไม่งดออกเสียงแน่
วันที่ 18 ธ.ค.2567 เวลา 17.20 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ (ฉบับที่..) พ.ศ….ที่คณะกรรมาธิการร่วมกันพิจารณาเสร็จแล้ว โดยมีมติเห็นชอบตามร่างฯของวุฒิสภา ที่ใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น ในการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ
โดยน.ส.ลิณธิภรณ์ วรินวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า สส.พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับเสียงข้างมาก2ชั้น เพราะเป็นระบบ2มาตรฐาน แปลกแยกจากระบบที่เป็นอยู่ ในเมื่อระบบการลงคะแนนเสียงที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนในระบอบประชาธิปไตย การใช้เสียงข้างมากปกติโดยตรงจึงเป็นสิ่งสมควร ตนไม่เห็นความจำเป็นที่จะใช้เสียงข้างมาก2ชั้นให้ยุ่งยาก กีดกันเสียงแท้จริงของประชาชนออกไป เพื่อความเสี่ยงต่างๆ เช่น การรณรงค์ของผู้ไม่เห็นด้วยกับการทำประชามติ แม้อาจมีจำนวนน้อยกว่า แต่เมื่อพิจารณาสิทธิไม่ถึงกึ่งหนึ่งตามด่านพิสดารเสียงข้างมาก2ชั้น ก็อาจทำให้เสียงข้างมากของผู้ออกมาใช้สิทธิตามกระบวนการถูกบิดเบือนไปได้ เว้นแต่ผู้สนับสนุนเสียงข้างมาก2ชั้น ปรารถนาลึกๆในใจให้การใช้สิทธิของประชาชนยากขึ้น พูดง่ายๆว่าใครที่สนับสนุนเสียงข้างมาก2ชั้น อาจถูกครหาขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญปี2560
“ดิฉันของเรียกร้องให้ยืนยันตามหลักการ3ข้อ 1.ยืนยันตามข้อเสนอของกมธ.สภาฯ 2.ยืนยันในหลักการเดิมอย่างตรงไปตรงมา และ3.ยึดถือสิทธิในฐานะสส. โปรดลงมติสนับสนุนให้ใช้เสียงข้างมากปกติ หรือเสียงข้างมากชั้นเดียว ที่เคยมีมติเอกฉันท์กันมาแล้ว ขอส่งต่อกุญแจดอกที่สมบูรณ์ ไม่ใช่รูปลักษณ์ที่แปลกประหลาดพิสดารให้ถึงมือประชาชนได้ใช้สิทธิออกเสียงประชามติ เพื่อปูทางแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว
ด้านนายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ฝ่ายสภาฯควรยืนยันตามหลักการเดิม คือการใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว ไม่ใช่เสียงข้างมาก2ชั้น และไม่ใช่ใช้เล่ห์เหลี่ยมทางกฎหมายแก้เสร็จแล้วแล้วแก้กลับไปเป็น2ชั้นอีก จะใช้แบบชั้นเดียวก็ตามนั้นไปเลย ไม่ใช่เวลาจะรับใช้ชั้นเดียว แต่เวลาจะแก้ใช้2ชั้น
ขณะที่นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ตอนฉีกรัฐธรรมนูญง่ายแสนง่าย เงียบสงัดเหมือนป่าช้า แล้วสร้างประติมากรรมคือรัฐธรรมนูญปี60 ที่มีปัญหาคือเวลาจะแก้ไขทำได้ยากยิ่ง ยากเกินไป แบบไม่อยากให้แก้ไขเลย ดังนั้นเมื่อความเห็นของสส. และสว.ไม่ตรงกัน ในเรื่องหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก ทำให้ต้องพักไว้180วัน มันเสียเวลา จนทราบมาว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไม่ทันในสมัยนี้ ถามว่าใครเป็นจำเลยในสังคมนี้ ประชาชนต้องหาจำเลยให้ได้ สส.ไม่ใช่จำเลย แต่อีกสภาฯใช่หรือไม่ ก็ต้องใช้วิจารณญาณ ตนผิดหวังที่อยู่ๆกมธ.ร่วมฯฝ่ายสส.ไปงดออกเสียง ถือว่ากลับลำในสิ่งที่ตัวเองเคยลงมติใช้หลักเกณฑ์เสียงข้างมากชั้นเดียว ในชั้นกมธ.สภาฯ และทราบว่าครั้งนี้ก็จะงดออกเสียงอีก มันไปบั่นทอนอำนาจสูงสุดของประชาชน ไปร่วมกับสว. ที่เป็นสภารากฝอยได้อย่างไร
”พรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน แถลงนโยบายด้วยกันก็ต้องปฏิบัติตาม ถ้าไม่ทำตามนี้แล้วจะลงเรือลำเดียวกันได้อย่างไร ผมรู้ว่าคุณขวางเพื่อถ่วงไม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งมันแก้ยากอยู่แล้ว หรืออยากจะให้มีตะแล้นแต๊นแต๊นอีก สภาฯแห่งนี้ตั้งอยู่ถนนทหาร เรือรบ1ลำ รถถัง1คันยึดได้แล้วสภาฯแห่งนี้ ทำไมไม่โน้มจิตใจด้วยกันมาแก้รัฐธรรมนูญ เห็นแก่ชาติบ้านเมืองเถอะ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ยิ่งอยู่นานยิ่งเป็นอันตรายต่อสังคม เศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นหมด การเมืองทั้งหมด ขอให้กมธ.ร่วมฯฝ่ายสส.ที่กลับลำ กลับใจมาแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เถอะ ที่นี้เป็นที่แก้ไข ไม่ใช่ที่ถ่วงความเจริญของประชาธิปไตย ใครคนใดไม่แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ หรือถ่วงความเจริญ ผมถือว่าคนนั้นทำลายประชาธิปไตย“ นายอดิศร กล่าว
นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า หลักเกณฑ์การออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำให้ง่าย เป็นธรรม แบบชั้นเดียว แต่สว. หรือกมธ.ร่วมกันฯ จะมาให้ฝ่ายสส.ที่เคยลงมติ409เสียงเห็นด้วยกับเสียงข้างมากชั้นเดียว ในชั้นกมธ.สภาฯ มาเห็นด้วยกับเสียงข้างมาก2ชั้นตามร่างฯของวุฒิสภาไม่ได้ เราต้องยืนยันเพื่อยับยั้ง มีคนถามตนว่า หากรัฐบาลผสม มีพรรคๆหนึ่งไม่ทำตามที่ตกลงกันไว้จะทำอย่างไร ตนก็ตอบไปว่าต้องคุยกันใหม่ คุยกันเรื่อยๆจนจบ หวังว่าจะต้องคุยกัน หากมีปัญหาขึ้นมา ชาวบ้านจะตัดสินว่าพรรคเหล่านั้นที่บอกว่าอยากแก้ไขรัฐธรรมนูญ ดีแต่พูด ประชาชนจะสั่งสอนในการเลือกตั้งปี2570 ดังนั้นอย่าพูดเอาหล่อ ขณะนี้บ้านเมืองมันแย่จริงๆ ก็ขอให้สส.ทำเพื่อประชาชน ทำตามกฎหมาย ช่วยกันลงมติเพื่อยับยั้งแล้วรออีก180วันค่อยมาว่ากันอีกครั้ง
นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า หากเราไม่มีเกณฑ์ของผู้ออกมาใช้สิทธิ์ในการทำประชามติ เราจะพูดได้เต็มปากเต็มคำหรือไม่ว่านี่คือการตัดสินใจของประชาชนทั้งประเทศที่เป็นประชาธิปไตย เราจะได้รับการยอมรับจากคนไทยทั้งประเทศจริงๆหรือไม่ ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากเพียงพอ หรือเรากำลังเปิดช่องให้เสียงส่วนมากมีโอกาสโดนมองข้ามเพียงเพราะคำว่าง่ายหรือไม่ พรรคภูมิใจไทย ยึดถือเกณฑ์เสียงข้างมาก2ชั้น ตนตกใจว่ามีเพียงพรรคภูมิใจไทยพรรคเดียวเท่านั้นที่รู้สึก ทั้งๆที่เรามีคะแนนเสียงเป็นอันดับ4 ยืนยันว่าแม้เราจะเห็นต่าง แต่เราไม่ได้ยึดติดโดยไม่มีหลักการเหตุผล เราไม่ได้ไม่พยายามที่จะทำความเข้าใจในความเห็นต่างของเพื่อนสมาชิก
“พรรคภูมิใจไทยมีการส่งคำถามจากเพื่อนสส.ไปสู่ประชาชนทั่วประเทศ เพื่อสอบถามความคิดเห็นในเรื่องนี้ ผลตอบรับกลับมาประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกว่ามีความจำเป็นที่จะต้องใช้เกณฑ์เสียงข้างมาก2ชั้น เหตุผลง่ายนิดเดียวคือทุกเรื่องที่ต้องทำประชามติล้วนเป็นเรื่องสำคัญ มีผลกระทบกับประชาชนทั้งประเทศ ประชาชนจึงต้องการความมั่นใจว่าผู้ที่ออกมาใช้สิทธิ์มีปริมาณเพียงพอที่จะมีความน่าเชื่อถือ เราไม่อยากเห็นการทำประชามติที่นำไปสู่การกำหนดทิศทางประเทศที่ขาดความเห็นประชาชนค่อนครึ่งหรือมากกว่าของประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับปี60 ได้รับความเห็นชอบจากประชาชน16.8ล้านเสียง ทุกคนพูดถึงเรื่องประชาธิปไตย ความชอบธรรม แล้วสิทธิ์ของประชาชนที่ออกมาใช้เสียงกว่า60เปอร์เซ็นต์เมื่อคราวที่แล้ว ท่านลืมเขาไปแล้วหรือ แต่ทำไมพอมาถึงการตัดสินใจของผู้เป็นเจ้าของอธิปไตยแท้จริง พวกเรากลับมองว่าไม่เป็นไร ถ้าเขาไม่ออกมาใช้สิทธิ์ ก็ไม่ควรมีสิทธิ์ เพราะเขาไม่สนใจ“ นายไชยชนก กล่าว
นายไชยชนก กล่าวด้วยว่า มีเพื่อนสมาชิกพาดพิงว่าพรรคภูมิใจไทยจะงดออกเสียง ไม่ให้ความสำคัญกับประชาธิปไตย และมีเจตนาขวางการแก้รัฐธรรมนูญ ตนยืนยันว่าไม่จริง ตราบใดที่เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการจริงๆอย่างเห็นได้ชัด พรรคภูมิใจไทยไม่มีทางมาขัด แต่วันนี้ไม่ว่าอย่างไรตนขอแจ้งว่าวันนี้พรรคภูมิใจไทยไม่งดออกเสียงแน่ๆ แต่ไม่ว่ามติจะออกมาเป็นอย่างไร พรรคภูมิใจไทยจะเคารพในเสียงส่วนมาก ยืนยันอีกครั้งว่า กระบวนการทำประชามติ เป็นการคืนอำนาจจากสภาฯตัวแทนไปสู่เจ้าของอำนาจอธิบไตยตัวจริง คำนึงถึงความเห็นทุกคน และถูกตัดสินใจโดยเสียงส่วนมาก กระบวนการที่จะนำไปสู่การตัดสินใจในเรื่องสำคัญของประเทศจำเป็นต้องมีเกณฑ์เพื่อสะท้อนความเห็นของประชาชนทั้งประเทศ ตนเห็นด้วยที่การทำประชามติควรเป็นเรื่องง่ายสำหรับประชาชนทุกคน แต่ไม่ควรจะมักง่ายในวิธีการ
จากนั้นเวลา 20.25 น. ที่ประชุมสภาฯ โหวตไม่เห็นชอบกับร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่คณะกรรมาธิการร่วมกัน พิจารณาเสร็จแล้ว ด้วยคะแนน 326 ต่อ 61 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนน 1 เสียง ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา137 (3) และมาตรา138(2) กำหนดว่าร่างกฎหมายที่ถูกยับยั้งจะพิจารณาใหม่ได้เมื่อพ้น 180 วันนับแต่ที่สภาฯไม่เห็นชอบ จากนั้นได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 20.30 น.