“วิสุทธิ์” ยันไม่ได้ เดินหน้าตั้งส.ส.ร.แก้รธน.คู่ขนาน รอพักร่างพ.ร.บ.ประชามติ ยันต้องพ้น 180 วันก่อน ยอมรับทำไม่ทันเลือกตั้งปี 70 ยันทำเต็มที่แล้ว เชื่อมีเสียง สว.60-70 หนุน แต่ต้องเจรจาเพิ่ม แม้แต่ “ภท.” บอกเวลาเปลี่ยนใจคนได้
วันที่ 23 ธ.ค.2567 เวลา 13.00 น.ที่รัฐสภา นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล(วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่ ทีมกฎหมายของประธานรัฐสภารับข้อเสนอให้ทำประชามติ 2 ครั้ง ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า การทำประชามติ 2 ครั้งก็ดีอยู่แล้ว เพราะทำครั้งหนึ่งต้องใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท ถ้าทำ 3 ครั้ง ก็ต้องเสียงบประมาณ 9 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย เพราะบางพื้นที่ จะของบประมาณ สร้างถนนสักเส้น 5-10 ล้านบาทยังขอยาก หรืออยากได้อ่างเก็บน้ำ 30-40 ล้านบาท บางทีก็ต้องรอหลายปีกว่าจะได้ แต่การทำ ประชามติ 3,000 ล้านบาท ครั้งหนึ่งก็รู้สึกเสียดาย แม้จะไม่ใช่เงินส่วนตัว เพราะเป็นเงินภาษีของประชาชนทั้งนั้น แต่การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ตนคิดว่าต้องไปรอ ให้ผ่านระยะเวลา 180 วันไปก่อน หลังจากนั้นค่อยไปตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.)แล้วว่ากันใหม่อีกครั้ง
เมื่อถามว่า นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน เสนอว่าสามารถพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประชามติ กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญคู่ขนานกันไปได้ ระหว่างช่วงรอพักร่าง 180 วัน นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ทำไม่ได้ หลายท่านบอกให้ตั้งส.ส.ร.เลย ก็ตั้งไม่ได้ ตนได้ถามฝ่ายกฎหมายของสภาฯแล้ว แม้กระทั่งถามนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ก็เห็นเช่นเดียวกัน แล้วเมื่อผ่านระยะเวลาพักร่างพ.ร.บ.ประชามติ 180 วันแล้ว ถึงจะมาเลือกตั้งส.ส.ร.อย่างไรการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่ทันการเลือกตั้งปี 2570 ซึ่งก็ไม่เป็นไร เราทำเต็มที่แล้วทุกคนก็เห็น
เมื่อถามว่าแสดงว่ายอมรับสภาพ ว่าไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ก็ไม่เป็นไร เพราะเราทำเต็มที่ พรรคร่วมรัฐบาลหลายพรรคและฝ่ายค้านก็ช่วยกันเต็มที่ แต่ทำไม่ได้เพราะติดขัดตรงวุฒิสมาชิก ก็เป็นความเห็นของท่าน เราไปต่อว่าไม่ได้ ประชาชนเห็นเอง พรรคไหน ใครลงคะแนนอย่างไร ทุกอย่างเปิดเผยหมดแล้ว ก็ต้องว่าไปตามระบอบประชาธิปไตย เราทำเต็มที่ และพยายาม ทำให้สำเร็จแล้ว แต่ไม่สำเร็จก็ไม่เป็นไร ขอให้มีส.ส.ร.มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ก็พอ
เมื่อถามว่าการร่างรัฐธรรมนูญ มีความจำเป็นต้องมีเสียงสว.ให้การสนับสนุนจะต้องขับเคลื่อน ขอความร่วมมืออย่างไร นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ไปก้าวล่วงกับวุฒิสภา แต่เชื่อว่าพอจะได้เสียง สว. 60-70 เสียง หากประชามติผ่าน เมื่อเวลานั้นมาถึงแล้วต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อมั่นว่ากระแสในขณะนั้น และความเข้าใจของพี่น้องประชาชน รวมทั้งหลายๆฝ่าย เชื่อว่าเขาคงให้ผ่าน ด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่ปิดตายอะไร และเชื่อมั่นว่าใครที่อยากเห็นบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย และรัฐธรรมนูญต้องมาจากประชาชน โดยส.ส.ร. เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ กับประเทศชาติ บ้านเมืองและทุกฝ่ายทางการเมือง
เมื่อถามว่า มองว่าการที่สว.โหวตไม่เห็นชอบร่างพ.ร. บ.ประชามติ ไม่ได้เป็นการปิดประตู ตั้งส.ส.ร.เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า เมื่อถึงตอนนั้นเราคิดว่าเราตั้งส.ส.ร.ได้ ขอให้ผ่าน 180 วัน เพราะเราต้องตั้งส.ส.ร.ก่อน ซึ่งต้องทำให้ได้ ไม่มีปัญหาอะไร โดยน่าจะต้องมีการเจรจากับสว.และสส.รวมทั้งฝ่ายต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกัน แม้แต่พรรคภูมิใจไทย ในอนาคตเวลามันเปลี่ยนใจคนได้ “น้ำใสเปลี่ยนใจปลา เวลาเปลี่ยนใจคน” ถึงเวลานั้นอาจจะเปลี่ยนแปลงก็ได้