วันศุกร์, พฤศจิกายน 22, 2024
spot_img
หน้าแรกHighlight“ดีอีเอส”รุกฆาต“แอคแคป-ดวงฤทธิ์” ความผิดสำเร็จ“เต้าข่าว”นำเข้าวัคซีน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ดีอีเอส”รุกฆาต“แอคแคป-ดวงฤทธิ์” ความผิดสำเร็จ“เต้าข่าว”นำเข้าวัคซีน

“รมว.ดีอีเอส” รุกฆาต “แอคแคป-ดวงฤทธิ์” เต้าข่าวนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์ม 20 ล้านโดส เชื่อเป็นขบวนการเดียวกัน ต้องการดิสเครดิตรัฐบาล ทำสังคมสับสน ย้ำความผิดสำเร็จแล้ว ปมพูด “ค่าพาเข้าพบนายกฯ” ยันเอาเรื่องจนถึงที่สุด เข้าข่ายผิดพ.ร.บ.คอมพ์ฯ

เมื่อวันที่ 29 พ.ค.64 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti Fake News Center) ตรวจสอบเบื้องต้นกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พบว่า บริษัท แอคแคป แอสเซ็ทส์ จำกัด ไม่มีชื่อยื่นขึ้นทะเบียนนำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์ม รวมทั้งยังจดทะเบียนทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ไม่มีคุณสมบัตินำเข้ายาและเวชภัณฑ์ และไม่ได้เป็นตัวแทนของผู้ผลิตวัคซีนซิโนฟาร์มจริง หลังปรากฏเป็นข่าว ศ.นพ.นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และผู้อำนวยโรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ก็ได้ปฏิเสธ พร้อมชี้แจงแล้วว่า ลักษณะของบริษัทไม่น่าเชื่อถือ และไม่มี Dossier หรือเอกสารประกอบรายการประกอบยาและการผลิตจากบริษัทเจ้าของวัคซีน เพื่อมาใช้ขอใบอนุญาตต่อ อย. แต่อย่างใด ดังนั้นหนังสือฉบับดังกล่าว จึงเป็นข้อความที่บิดเบือน และทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน เป็นการกระทำดังกล่าวที่เข้าข่ายเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ) เช่นเดียวกับผู้ที่นำข้อมูลดังกล่าวไปเผยแพร่ หรือส่งต่อก็จะเข้าข่ายมีความผิดเช่นกัน

“กระทรวงดีอีเอส กำลังประสานข้อมูลกับ บก.ปอท. (กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์) รวมทั้งกระทรวงสาธารณสุข เพื่อรวบรวมหลักฐานแล้ว และดำเนินการเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวกรรมการผู้จัดการผู้ลงนามทั้ง 2 รายในหนังสือมาให้ข้อมูล และข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหนังสือฉบับดังกล่าว เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องตามกฎหมายต่อไป” นายชัยวุฒิ กล่าวและว่า นอกจากนี้ยังมีบุคคลและกลุ่มบุคคลนำไปวิพากษ์วิจารณ์และกล่าวหาในทำนองว่า รัฐบาลมีการเรียกรับผลประโยชน์จากการขึ้นทะเบียนและจัดหาวัคซีนโควิด-19 ซึ่งเข้าข่ายการหมิ่นประมาท และเสนอข้อมูลเท็จ อย่างชัดเจนเช่นกัน เพราะการขึ้นทะเบียนและนำเข้าวัคซีนมีระเบียบขั้นตอนการดำเนินการตามช่องทางกฎหมายอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าพบใครเป็นพิเศษ

รมว.ดีอีเอส กล่าวต่อว่า น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาเกิดความพยายามในการตั้งประเด็นโจมตีการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ของรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง และรุนแรงขึ้น มองได้ว่า มีการวางแผนเป็นขบวนการเพื่อดิสเครดิตรัฐบาลหรือไม่ เห็นได้ชัดจากกรณี บริษัท แอคแคปฯ ที่ผู้เกี่ยวข้องในส่วนของภาครัฐต่างออกมาปฏิเสธไปแล้ว แต่ทราบว่า เมื่อคืนวันที่ 27 พ.ค.64 นายดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิก และแกนนำกลุ่ม CARE คิด เคลื่อน ไทย ที่มักร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทย นำไปพูดคุยแสดงความคิดเห็นผ่านแอปพลิเคชัน “คลับเฮาส์” โดยมีเนื้อหาสาระให้เกิดความสับสนขึ้นในสังคม ตลอดจนสร้างความเสียหายให้แก่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้อง มีการพูดถึงขั้นว่า มีคนเรียก “ค่าพาเข้าพบนายกรัฐมนตรี” กับบริษัทดังกล่าว เพื่อให้มีช่องทางเจรจานำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์ม โดยแลกกับเงิน 5 ล้านบาทอีกด้วย และเมื่อต้นเดือนพ.ค.64 นายดวงฤทธิ์ก็เคยทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์อ้างว่า มีรุ่นน้องที่รู้จักกันพยายามนำวัคซีนซิโนฟาร์ม 20 ล้านโดสให้รัฐบาล และระบุว่า “ประสานไปที่คนของรัฐบาลทุกช่องทางแล้ว มันถามหาผลประโยชน์ตอบแทนกันก่อนหมดเลย” จนมีผู้มารีทวิตหรือเผยแพร่ข้อความต่อจำนวนมาก และยังมีหลักฐานว่า มีความสนิทสนมกับ นายกรกฤษณ์ กิติสิน หนึ่งในผู้บริหารของบริษัท แอคแคปฯด้วย หรือเมื่อต้นเดือน ม.ค.64 ก็ทวีตในทำนองว่า มีคนบางกลุ่มได้สิทธิซื้อวัคซีนโควิด-19 แล้ว ทั้งที่กระบวนการทุกอย่างมีการเปิดเผยโปร่งใสโดยตลอด

“การที่บริษัท แอคแคปฯถูกเปิดโปงว่า ไม่ใช่ผู้แทนซิโนฟาร์มจริง และการทวีตข้อความในประเด็นเดียวกันล่วงหน้าของคุณดวงฤทธิ์ ทำให้สามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่าอาจเป็นขบวนการเดียวกันที่ต้องการสร้างความสับสนและดิสเครดิตรัฐบาล เรื่องนี้กระทรวงดีอีเอสได้รวบรวมหลักฐานการเผยแพร่ข้อความในแพลตฟอร์มต่างๆ รวมทั้งการพูดคุยใน แอปฯคลับเฮาส์ล่าสุดไว้ทั้งหมดแล้ว ขณะนี้ได้ให้ฝ่ายกฎหมายทำการสรุปว่า มีผู้กระทำผิดกี่รายอย่างไรบ้าง เพื่อดำเนินคดีอย่างเร่งด่วนต่อไป” รมว.ดีอีเอสกล่าว

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า การที่มีการออกมาโพสต์ว่ามีการเรียกเงิน 5 ล้านบาท หรือมีการเรียกผลประโยชน์จากการจัดหาวัคซีนโควิด-19 นั้น หากมีหลักฐานยืนยันชัดเจน ก็เปิดเผยได้อยู่แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการตามกฎหมาย เพราะเป็นการแอบอ้างหาประโยชน์ ซึ่งไม่สมควรให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังประสบปัญหาการระบาดโควิด-19 แต่ถ้าไม่มีหลักฐาน เป็นการพูดลอยๆ ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คเพื่อดิสเครดิตนายกฯ และรัฐบาล เท่ากับเป็นการนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ เมื่อภาครัฐจำเป็นต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย คนเหล่านี้ก็มักจะออกมาเรียกร้องว่า เป็นการละเมิดสิทธิ ปิดหูปิดตาประชาชนซึ่งเป็นรูปแบบของขบวนการเฟคนิวส์ และต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดในสังคม

“เชื่อว่าสังคมพอจะเข้าใจถึงเจตนาของกลุ่มคนดังกล่าว หลายคนก็เป็นกลุ่มคนที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล และนิยมชมชอบกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม จุดยืนทางการเมืองของคุณดวงฤทธิ์ก็ชัดเจน พอถูกจับได้ไล่ทัน ก็อ้างว่า ชนตอ มีอันตรายถึงตาย ไม่ขอพูดถึงเรื่องนี้อีก ทั้งที่หากไม่มีเจตนาก็ควรออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง เหมือนมีเจตนาให้สังคมสับสนไปเรื่อยๆ ซึ่งกรณีของคุณดวงฤทธิ์ ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังรวบรวมหลักฐาน และจะดำเนินการทางกฎหมายอย่างเด็ดขาดแน่นอน” นายชัยวุฒิกล่าว

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img