แพทยสภา เชิญ บุคคลให้ข้อมูลเพิ่มปม ‘ทักษิณ’ ป่วย หวังจบเรื่องมี.ค.นี้ ยืนยันไร้การแทรกแซง รมว.สธ. ในฐานะนายกสภาพิเศษ ระบุบอร์ดแพทยสภาชุดใหม่ ไม่กระทบไทม์ไลน์สอบ ชี้หากเปลี่ยนอนุฯ อาจล่าช้าเล็กน้อย
เมื่อวันที่ 20 ม.ค.68 ที่อาคารมหิตลาธิเบศร ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี ประธานอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจ แพทยสภา กรณีนายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลรพ.ตำรวจ ว่า ทางโรงพยาบาลตำรวจได้มีการส่งเอกสารมาให้บางส่วน และนำเข้าสู่ที่ประชุมอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา อย่างเคร่งเครียด ทั้งนี้เอกสารที่ส่งมาไม่ถึง 100 หน้า แต่ก็ถือว่าได้มาพอสมควร และสามารถดำเนินการต่อไปได้ ส่วนที่เหลืออยู่นิดหน่อยนั้น เราก็จะไปขอเพิ่มมาตามกติกาของกฎหมาย ขณะเดียวกันก็จะเชิญบุคคลมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม มากกว่า 2 คน แต่ยังไม่ขอบอกว่าจะเป็นใคร โดยให้มีการให้มายืนยันเอกสารต่างๆ ตามสิ่งที่คณะกรรมการบอกว่ามีมูล
ทั้งนี้คิดว่า หากผู้ที่ได้รับการเชิญมาให้ข้อมูลแล้วยินดีให้ความร่วมมือ มาตามที่เราขอไปเป็นไปได้ เดือนมี.ค. ไม่รู้ว่าจะเสร็จหรือไม่ แต่เราอยากดำเนินการให้เสร็จโดยเร็ว หากเขามาตามเวลาที่เราวางไว้ ได้ข้อมูลก็คงสรุปกันได้ แต่หากไม่ได้มี.ค.ก็ต้องเป็นเดือน เม.ย. เพราะต้องเข้าที่ประชุมกรรมการแพทยสภาก่อน ซึ่งเพิ่งจะมีการเลือกกรรมการชุดใหม่ และยังโชคดีที่ตนได้กลับเข้ามาอีกครั้ง ก็จะมาทำต่อ
เมื่อถามว่า เอกสารที่เข้ามาคือเวชระเบียนหรือไม่ ศ.นพ.อมร กล่าวว่า ขอยังไม่เปิดเผยว่า เป็นเวชระเบียนหรือเอกสารอะไร แต่เป็นเอกสารที่เราขอไป เยอะมาก แต่ไม่ถึง 100 หน้า ซึ่งเพียงพอต่อการพิจารณา เมื่อถามว่า เอกสารที่ขอไปมีอะไรบ้าง ศ.นพ.อมร กล่าวว่า มีเวชระเบียน เอกสารอะไรต่างๆ เอกสารเอ็กซเรย์ เอกสารที่ประกอบการวินิจฉัยของแพทย์ อย่างไรก็ตาม บางอย่างได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ยืนยันซึ่งกันและกัน แต่ก็เพียงพอที่จะยืนยัน
เมื่อถาม ถึงตัวบุคคลที่จะมาให้ข้อมูล ศ.นพ.อมร กล่าวว่า แถวๆ นี้ แต่ขอไม่เปิดเผยรายชื่อ โดยการเข้ามาให้ข้อมูลจะแบ่งออกเป็น 2-3 ก๊อก เช่น สิ้นเดือนนี้, ก.พ.นี้ เพราะเราก็ไม่อยากให้มาเยอะๆ
เมื่อถามต่อว่า กรณีมีกรรมการแพทยสภาชุดใหม่แล้ว แต่อนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจยังทำงานเหมือนเดิมหรือไม่ ศ.นพ.อมร กล่าวว่า ชื่ออนุกรรมการยังอยู่ แต่หลังกรรมการแพทยสภาชุดใหม่สามารถตั้งคณะกรรมการบริหารเรียบร้อย ซึ่งจะมีการประชุมในวันที่ 6 ก.พ. นี้ ก็อยู่ที่ว่า กรรมการชุดใหม่ จะมีการปรับเปลี่ยนตัวอนุกรรมการอย่างไรหรือไม่ ส่วนอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจฯ ก็จะมีการนำรายชื่อเข้าคณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณายืนยันว่าจะใช้ชุดเดิมหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของเนื้อหา ขั้นตอนที่อนุฯ ทำมานั้นยังเหมือนเดิม อย่างที่บอกว่าเราจะพยายามทำให้เร็ว ดูทั้งเอกสาร และฟังจากบุคคล ทั้งนี้หากกรรมการแพทยสภาชุดใหม่มีการปรับเปลี่ยนตัวอนุกรรมการสอบสวนเฉพาะกิจอาจจะส่งผลให้กระบวนการพิจารณาเรื่องนี้ช้าลงนิดหน่อย
เมื่อถามว่า มีข้อกังวล เนื่องจากแพทยสภามีความใกล้ชิดกับรมว.สาธารณสุข เนื่องจาก เป็นนายกสภาพิเศษแพทยสภา ศ.นพ.อมร กล่าวว่า ตามขั้นตอนถ้ามีมูล ก็ต้องไปผ่านท่าน หากไม่มีมูลเรื่องก็จบ แต่ตนคิดว่า นายสมศักดิ์ คิดว่าท่านไม่พลิกอะไร และที่ผ่านมารมว.คนก่อนๆ ที่อยู่ในฐานะ นายกสภาพิเศษฯ ก็ไม่เคยทำอะไรเช่นนี้ มติเป็นอย่างไรก็เป็นไปตามนั้นทั้งหมด ส่วนกรณีนี้แม้ถูกมองว่า เป็นเคสพิเศษ ซึ่งตนถือว่าเป็นเคสที่เราต้องทำงานอย่างรอบคอบ รัดกุม ตรวจสอบได้ แต่ไม่ได้ให้แทรกแซง
“ ยืนยันว่า อนุกรรมการฯ มีความเป็นกลาง มีการประชุมทุกอย่างเป็นความลับ จึงไม่บอกมาก เพื่อป้องกันการแทรกแซง ทำให้ตอนนี้ไม่มีการแทรกแซงจากฝ่ายใด ทุกคนให้ความเป็นอิสระคณะอนุฯ อย่างเต็มที่ เราไม่อยู่ฝ่ายใด เราดูแต่เอกสาร ดูแต่ข้อมูล เราต้องเป็นกลาง” ศ.นพ.อมร กล่าว
เมื่อถามว่า ตามกฎหมาย นายกสภาพิเศษฯ สามารถพลิกมติของกรรมการแพทยสภาได้หรือไม่ ศ.นพ.อมร กล่าวว่าตามเกณฑ์เขียนไว้ อ่านเสร็จแล้ว อาจจะบอกว่าไม่เห็นด้วยแล้วส่งกลับมาให้กรรมการแพทยสภาพิจารณาใหม่ ก็ต้องมาดูว่าที่ส่งกลับมานั้นมีเหตุผลหรือไม่ ถ้าฟังขึ้นก็พิจารณาใหม่ แต่หากเหตุผลสู้เราไม่ได้ เราก็ยืนยันมติของเราไป
ศ.นพ.อมร กล่าวต่อว่า ย้ำว่า เรื่องการรักษาคนไข้ ถือเป็นความลับที่ห้ามเปิดเผย แต่กรณีที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างเช่น แพทยสภาเรียกเอกสารไปนั้น หน่วยงานที่ได้รับการร้องขอจะต้องส่งมาให้ เพราะเราถือว่า เราจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งไม่แน่ว่า เมื่อพิจารณาแล้ว คุณอาจจะทำถูกต้องก็ได้ ส่วนถ้าไม่ส่งเอกสารมาให้ อาจจะไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นความผิดหรือไม่ ต้องไปดูเหตุผลว่า เป็นเพราะอะไร เพราะกฎหมายละเอียด แต่ไม่เป็นไร และที่ได้รับมาตอนนี้เราก็น่าจะดำเนินการไปได้
เมื่อถามถึงการปลอมเวชระเบียนถือเป็นโทษหนัก มีบทลงโทษอย่างไร ศ.นพ.อมร กล่าวว่า การปลอมเวชระเบียนถือเป็นความผิดร้ายแรง มีบทลงโทษหนัก ซึ่งในส่วนของแพทยสภา มีบทลงโทษตั้งแต่ ตักเตือน ภาคทัณฑ์ เพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ ทั้งนี้ยกตัวอย่างนักศึกษาโกงเอกสารข้อสอบ ถือเป็นความผิดร้ายแรง ก็ให้ออกแล้ว.