“พิธา” รับกังวลคนใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบจ.น้อย ทำ ปชน.ไปไม่ถึงฝัน พ้อ เวลาเจอ เขาทักทาย-ถ่ายรูป แต่ไม่รู้ไปเลือกตั้งหรือไม่ อัด นายก อบจ.ตราด อยู่มา 25 ปี แต่ตัวเลขมันบอก ไม่ได้ดีขึ้น โชว์สถิติ เติบโตต่ำกว่าค่ามาตรฐานประเทศ เชื่อ คนเบื่อ-จำเจ
วันที่ 24 ม.ค. 2568 ที่จ.ตราด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ ระหว่างช่วยหาเสียงนายก อบจ.ตราด ถึงการต่อสู้สนามเลือกตั้ง อบจ. ว่า พรรคประชาชนนำโดยหัวหน้าพรรคและเลขาพรรคทำงานเต็มที่ในเรื่องของการแข่งขัน ตนไม่กังวลสักเท่าไหร่ แต่กังวลว่าสิ่งที่พวกตนกำลังแข่งอยู่ สุดท้ายกลายเป็นว่าคนไม่มาใช้สิทธิ์ใช้เสียง
“เวลาเจอกันเขาก็ยังทักทาย พูดคุย ถ่ายรูป มาฟังปราศรัยในบางพื้นที่ อย่างภาคใต้ก็เยอะเหมือนตอนเลือกตั้งปี 2566 แต่มั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะออกมาใช้สิทธิ์ใช้เสียง เพราะเขายังไม่เข้าใจว่าเลือก อบจ. มีประโยชน์อย่างไร แต่ผมก็พยายามอธิบายว่า อบจ.คือครู คลัง ช่าง หมอ” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวต่อว่า ตอนนี้กำลังรณรงค์โดยใช้ปากกา ให้ประชาชนรู้ว่าปากกาในมือมีมูลค่าเท่าไหร่ แต่ละ อบจ. ไม่เหมือนกัน บางจังหวัดมูลค่ารวมหมื่นล้าน จึงอยากทำให้ประชาชนเห็นว่ามูลค่ามากขนาดนี้อยู่ที่ปากกาที่ใช้ในวันออกสิทธิ์ออกเสียง ดังนั้น เรื่องคู่แข่งก็ว่ากันเรื่องนโยบายก็ดี เรื่องขึ้นดีเบตก็ดี ก็ไม่ได้กังวลแต่การมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงจะไม่เป็นไปตามเป้า ตนก็ยังอยากจะเห็นว่าเลือกตั้งท้องถิ่นมีคนสนใจและมาใช้สิทธิ์เยอะ อย่างน้อยอยากได้ 70% ซึ่งระดับสากลควรจะเป็นแบบนั้น แต่ยอมรับว่าจะให้ 70% เป็นไปได้ยาก เพราะเลือกตั้งล่วงหน้าไม่ได้ เลือกตั้งข้ามเขต ไม่ได้เลือกตั้งข้ามประเทศไม่ได้ และยังจัดเลือกตั้งหรือวันเสาร์ 1 เดือนหลังปีใหม่
เมื่อถามว่าในจังหวัดตราดมั่นใจมากแค่ไหน เพราะคู่แข่งถือว่าเป็นคนในพื้นที่มานานเป็นอดีตนายก อบจ. ที่อยู่มาหลายสมัย นายพิธา กล่าวว่า มั่นใจว่าคนตราดพร้อมที่จะเปลี่ยน คนตราดอยู่กับภาวะผู้นำของนายก อบจ. คนเดิมมา 25ปีและตนก็ศึกษาแคมเปญของคู่แข่ง เขาบอกว่ามีประสบการณ์ แต่ตัวเลขที่ออกมามันไม่ได้บอกว่ามีอะไรดีขึ้น ถึงตั้งใจลงพื้นที่มาเพื่อบอกคนตราดว่าเรื่องการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจังหวัดตราดย้อนหลังเติบโต1.6% แต่ประเทศไทยเติบโต 3.5% ดังนั้น จังหวัดตราดเติบโตต่ำกว่าประเทศไทย ทั้งที่มีทั้งผลไม้ มีทั้งประมง และท่องเที่ยว รวมถึงการค้าชายแดน
สิ่งที่น่ากลัวคือเด็กเกิดใหม่ที่มีน้ำหนักต่ำกว่ามาตรฐานมากที่สุดอยู่ที่จังหวัดตราด แสดงว่าต้องมีคนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลง คนเบื่อ จำเจ ซึ่งตนไปในหลายพื้นที่ คนก็อาจจะคิดว่าไปเลือกก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตพวกเขามาก เสียเวลาขอทำมาหากิน ไม่ไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงดีกว่า จึงต้องมากระตุ้นให้เห็นว่าในอดีตอาจจะเป็นแบบนั้น
นายพิธา กล่าวว่า เกมมันก็อยู่ที่ใจประชาชน ประชาชนคิดง่ายๆ ว่าเขาจะปิดร้านก๋วยเตี๋ยวครึ่งวัน เพื่อไปเลือกตั้งดีหรือไม่ ถ้าทำแล้วเขารู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงได้ทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ เขาก็ไป แต่ถ้าเกิดว่าไม่ดีขึ้นก็ไม่ไปแค่นั้น เราก็เข้าใจกัน เพราะทุกคนก็มีภารกิจส่วนตัว จึงเป็นการตอกย้ำข้อกังวลของตนว่าทุกวันนี้เราสู้กับความหวัง ต้องมาชี้ให้เห็นว่าวันนี้ต่างจาก 25 ปีที่แล้วอย่างไร ต้องโน้มน้าวให้ได้ภายในระยะเวลาที่จำกัด ตนอาจจะต้องเดินทางกลับอเมริกาในเร็วๆนี้ด้วย ไม่รู้ว่าจะอยู่ช่วยโค้งสุดท้ายได้หรือไม่
เมื่อถามว่ามั่นใจว่าในพื้นที่ภาคตะวันออกจะสำเร็จมากน้อยแค่ไหน นายพิธา ระบุว่า ตนมั่นใจว่ายังมีสิทธิ์ที่จะทำได้ เพราะตอนเลือกตั้งระดับชาติก็มีคนปรามาสว่ามือไม่ถึง ยังไม่สามารถทำได้ แต่ทุกเกมประชาชนเป็นคนตัดสิน
“แต่หากเป็นการเมืองที่รู้จักมักจี่กันมานาน อุปถัมภ์กันมานาน ดูแลอย่างโน้นอย่างนี้ดูแลเรื่องโรงพยาบาล พาลูกเข้าโรงเรียนให้ โดยรวมสังคมไทย ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ทำให้คนอีกแบบหนึ่งอาจจะใช้สิทธิ์ ทำให้ฝั่งเราไม่ถึงฝั่งฝันได้” นายพิธา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงพื้นที่จังหวัดนครนายกที่พรรคประชาชนเป็นตัวเต็ง นายพิธา สวนว่า ใครเป็นคนบอกว่าเต็งหรือไม่เต็ง ตนคงวิจารณ์ไม่ได้เพราะแต่ละคนก็ความคิดแตกต่างกัน