“ตู่ใหญ่-เสรีพิศุทธ์” ฉะ “ตู่เล็ก-ประยุทธ์” ลั่นไม่เชื่อคำพูด “ปราบทุจริตเป็นวาระแห่งชาติ” เย้ยพูดมา 7 ปีแต่ทำไม่ได้จริง ขุดปมพรรคให้เงินเดือนส.ส.เพิ่ม นำเงินมาจากไหน เผย “กมธ.ปปช.” เร่งสอบเส้นทางเงิน “สิระ-ปารีณา” แล้ว แต่ขอข้อมูลไปยังแบงก์ชาติ เรื่องยังเงียบ
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 ที่อาคารรัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าววถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ประกาศให้การปราบปรามทุจริตเป็น “วาระแห่งชาติ” โดยพูดกลางสภาฯ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีการทุจริตว่า นายกฯประกาศเชิญชวนให้ประชาชนและข้าราชการร่วมปราบการทุจริต ฟังดูแล้วดี แต่พล.อ.ประยุทธ์พูดเรื่องนี้มาหลายครั้งตลอด 7 ปีที่ผ่านมา มีการประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริต มีการแต่งตั้งคณะทำงานปราบปรามการทุจริตด้านต่างๆ และมีการประกาศที่จะปราบปรามการทุจริต แต่ไม่สามารถทำได้จริง หากดูที่การกระทำ พล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจคนอื่นมา เขียนรัฐธรรมนูญเอง แต่งตั้ง ส.ว. เพื่อให้เลือกตัวเองเป็นนายกฯได้หลายสมัย ถือว่าโกงมาโดยตลอด ดังนั้นคนโกงมาปราบโกง จะเป็นไปได้หรือไม่ ขณะที่ดัชนีชี้วัดการต่อต้านการทุจริตสากลไทยก็มีลำดับที่แย่ลงในช่วง 7 ปี ที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ดังนั้นสิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์พูดจึงเชื่อไม่ได้
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่ารัฐบาลตัวเองไม่มีการทุจริต แต่กลับมีเรื่องให้เงินเดือนส.ส.ภายในพรรคเกิดขึ้น เห็นได้จากกรณีที่นายสิระ เจนจาคะ และน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ไปพูดก้าวล่วงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับบอกว่าจะตัดเงินเดือนส.ส.ทั้ง 2 คน จึงตั้งคำถามว่า มีการให้เงินเดือนส.ส.กันเอง เพิ่มจากที่ได้อยู่แล้วใช่หรือไม่ แล้วเอาเงินที่ได้มาจากไหน เกี่ยวข้องกับสิ่งผิดกฎหมายหรือไม่ เอาเงินที่ทุจริตมาจ่ายหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้กรรมาธิการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร อยู่ระหว่างตรวจสอบเส้นทางการเงิน ซึ่งได้ขอข้อมูลไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วประมาณหนึ่งเดือน แต่ยังเงียบ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความเห็นตรงกัน ว่าไม่เห็นชอบกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 นั้นว่า ไม่ได้ตั้งใจไม่รับมาตั้งแต่แรก แต่การจัดสรรงบประมาณเป็นระบบเดิมๆ แม้จะมีการตัดงบลงทุกกระทวง แต่งบซื้ออาวุธของกองทัพ ยังมีอยู่เหมือนเดิม ทั้งที่ควรใช้งบประมาณในการพัฒนาคน และการรักษาโรคระบาด โดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุขควรจัดสรรงบประมาณลงอย่างเต็มที่ แต่เมื่อการจัดสรรงบของรัฐบาลไม่เข้ารูปเข้ารอยก็ถือว่าผิดพลาด ดังนั้นจึงรับไม่ได้