“โรม“ ปูด มีหลักฐานซื้อเสียง อบจ.เพียบ จี้ กกต.สอบปม ป้าโยนถุงขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อไทย โวยไม่ได้เงิน 200 ฝาก “แสวง” ทำหน้าที่ให้สมเงินเดือน เพราะใช้หนี้บุญคุณหมดแล้ว ซัด “ทักษิณ” ทำให้รัฐบาลดูแย่! ขอหยุดใช้นโยบายเงินหมื่นหวังผลเลือกตั้ง ลั่น ประชาชนไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร
วันที่ 28 ม.ค.2568 เวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าประชาชน กล่าวถึงการเลือกตั้ง อบจ. ว่า การเลือกตั้ง อบจ. ครั้งนี้ อาจจะแตกต่างจากหลายครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากจะมีการเลือกตั้งในวันเสาร์ที่ 1 ก.พ. นี้ ซึ่งจะไม่สะดวกกับการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ โดยการเลือกตั้งท้องถิ่นมีการขับเคี่ยวกันโดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายซึ่งถือว่ามีความสำคัญ และอยากให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้ให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการรณรงค์ไปใช้สิทธิ์เพื่อให้ได้ตัวแทนของประชาชนอย่างแท้จริง สะท้อนความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง เป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชน โดยยืนยันว่าท้องถิ่นเป็นส่วนที่ใกล้ชิดกับประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้นอยากให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อบจ.ให้ได้มากที่สุด ต้องยอมรับว่ามีข่าวหนาหู เรื่องการพยายามที่จะจ่ายเงินให้กับประชาชน ทำให้เจตจำนงของประชาชนถูกบิดผันไป บางพื้นที่อาจจะจ่าย 500 บาท บางพื้นที่ 1,000 บาท บางพื้นที่มีสัญญาแบ่งกันเป็นรายงวด ซึ่งตนได้รับรับทราบจากประชาชนเป็นระยะ ขณะที่เมื่อวานนี้ ตนเองเดินทางกลับมาจากจังหวัดเชียงใหม่ มีประชาชนเข้ามาแจ้งเบาะแส ว่ามีการจ่ายเงินซื้อเสียงไปแล้ว โดยตนหวังว่าคงจะไม่ใช่จังหวัดเชียงใหม่ หลายพื้นที่เราไม่ควรจะยอมกับเรื่องแบบนี้ และไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะเกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตย การซื้อเสียงการจ่ายเงินในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผ่านหัวคะแนน หรือให้หัวคะแนนไปกระจายต่อ วิธีการเหล่านี้เป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยที่เป็นของพวกเราทุกคน
“ผมคิดว่า วิธีการที่จะป้องกันกระบวนการเหล่านี้ เราต้องช่วยกันให้ประชาชนเป็นตาสับปะรดจับตาเรื่องของการซื้อสิทธิ โดยการจับตาทำได้หลายวิธีทั้งโทรศัพท์มือถือแอบอัดเสียง ถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอ ต้องช่วยกันปกป้องบ้านเมือง ต้องทำให้การแข่งขันในระดับท้องถิ่น เป็นการแข่งขัน การทำงานในระดับนโยบาย เพราะหากยังมีการซื้อเสียงสิ่งที่ตามมานั้นก็คือการคอรัปชั่น ตนไม่อยากให้เกิดเรื่องของการคอรัปชั่น เพราะเงินภาษีของประชาชนจะต้องเสียไปกับการคอรัปชั่นซึ่งจะทำให้บ้านเมืองและท้องถิ่นไม่พัฒนาไปในทางที่ควร ผมยังจับตาไปยังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ต้องไม่เป็นมือเป็นไม้ให้กับการซื้อสิทธิ์ขายเสียงโดยต้องต่อต้านกับเรื่องเหล่านี้ ตนทราบดีว่าตำรวจในโรงพัก ก็ทราบดีว่ามีการซื้อเสียงกันที่ไหน และจ่ายเงินดันอย่างไร ดังนั้นอย่าให้เกิดความอับอายในองค์กรของท่าน”นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า อีกประเภทคือการซื้อเสียงยกหน่วย ขออย่าให้มันเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงอยากให้ทุกคนไปร่วมสังเกตการณ์การนับคะแนน ที่หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นวิธีการหนึ่ง ในการป้องกันการซื้อยกหน่วย และอย่าให้นำเอาภาษีของประชาชนมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว การเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเฉพาะ อบจ เขตเลือกตั้งเยอะและวิธีการที่เราเชื่อว่าดีที่สุดคือการพึ่งประชาชน
“ต้องบอกตรงๆว่าหาก กกต. ทำหน้าที่ ให้เกิดความไว้วางใจ เราก็สามารถที่จะฝากความหวังไว้กับ กกต.ได้ แต่ในช่วงเวลาที่ที่ผ่านมา ในการเลือกตั้ง เราก็รู้ว่ามีการจ่ายเงินเพื่อซื้อเสียง และคำถามคือ กกต. สามารถจับได้กี่คน จัดการปัญหานี้ และนำไปสู่การป้องกันอย่างไร ดังนั้น จึงคิดว่าหวังพึ่งกกต. ไม่ได้ ซึ่งเราต้องช่วยกันจับตา และจริงๆเรื่องนี้จะได้ 2 เด้ง คือ ปกป้องคะแนนเสียง และ การชี้ว่ากกต. ทำหน้าที่บกพร่องหรือไม่ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้องค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ ได้ทำหน้าที่ของตนเองที่ควรจะทำมานานแล้ว“ นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีขณะนี้มีหลักฐาน ชัดเจนเรื่องการซื้อเสียงแล้วใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีเบาะแสแจ้งมาเรื่อยๆ “เงินออกแล้ว มีจ่ายกันแล้ว” ซึ่งอยู่ระหว่างการรวบรวม และยืนยันว่าครั้งนี้เราเอาจริงเรามอนิเตอร์ อย่างใกล้ชิดหากมีหลักฐานเพียงพอเราก็จะยื่นร้องต่อไป รวมถึงต้องจับตาเจ้าหน้าที่ว่าเข้าไปมีส่วนร่วมในการทุจริตเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่
เมื่อถามว่ากรณีที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้ช่วยหาเสียงเลือกตั้ง อบจ. พรรคเพื่อไทย ปราศรัยที่จังหวัดมหาสารคาม มีประชาชนถุง ขึ้นไปบนเวที เพราะไม่พอใจเรื่องเงิน 200 บาท นายรังสิมันต์ กล่าวว่ากรณีนี้ชัดเจนมาก และตนเองก็ได้ติดตามเหมือนกับหลายคน เรื่องเงิน 200 บาทที่บอกว่าจะได้ แต่เหมือนมีความพยายามจากเจ้าหน้าที่รัฐ ที่จะให้คุณป้าคนดังกล่าวไม่พูดหรือขยายความในเรื่องเงิน คำถามคือวันนี้เราเห็นความคืบหน้าของหน่วยงานรัฐมากน้อยแค่ไหน และคนที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐอย่าคิดว่าจะให้คุณให้โทษ กับคนอื่นเพียงอย่างเดียว หากมีหลักฐานเพียงพอเราก็พร้อมที่จะใช้ทุกช่องทางดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้อง
“อย่าลืมว่าการใช้เงินซื้อเสียงแบบนี้เป็นการทำลายระบบประชาธิปไตย ซึ่ง ตนเองก็จะไม่อยู่เฉย และติดตามอยู่ตอนนี้มีกรณีที่ชัดเจนแล้วว่ามีการส่อ ในการใช้เงินซื้อสิทธิ์ขายเสียง คำถามคือกกต. ซึ่งมีหน้าที่ทำอะไรมากน้อยแค่ไหน ฝาถึงนายแสวง บุญมี เลขากกต. ให้ทำหน้าที่ให้สมกับเงินเดือนที่ได้รับจากประชาชน ทำหน้าที่ให้สมกับการเป็น กกต. ตนทราบดีว่าประวัติราชการของท่านเป็นมาอย่างไร ท่านได้ตอบแทนบุญคุณไปหมดแล้ว ก็ขอให้ทำหน้าที่ของ กกต. เพื่อประโยชน์ของประชาชน ” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามถึงการแจกเงิน 10,000 บาท ในช่วงการเลือกตั้ง อบจ. จะทำให้พรรคประชาชนเสียเปรียบหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องทำความเข้าใจว่าเงิน 10,000 บาทนี้ เป็นเงินของประชาชนอยู่แล้ว เป็นเงินที่มาจากภาษีของประชาชน ไม่ใช่เป็นหนี้บุญคุณใคร เป็นสิ่งที่ประชาชนควรจะได้รับ แต่จะมาในรูปแบบอื่น เช่น โครงสร้างพื้นฐาน คุณภาพชีวิตที่ดี แต่รัฐบาลนี้ตัดสินใจที่จะแจกเป็นตัวเงิน ตนไม่รู้ว่าวัตถุประสงค์ของรัฐบาลคืออะไร ไม่อยากคาดเดา แต่ยืนยันว่า ประชาชนไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร มีแต่รัฐบาลและฝ่ายค้านที่เข้ามาทำหน้าที่ในสภาที่เป็นหนี้บุญคุณประชาชน
เมื่อถามอีกว่าการที่นายทักษิณปราศรัยพูดเรื่องเงิน 10,000 บาทจะมีผลกับคะแนน เลือกตั้ง อบจ. หรือไม่ นายรังสิมันต์ ย้ำว่า ตนไม่อยากคาดเดาจุดประสงค์คืออะไร แต่ถ้าจุดประสงค์คือให้ประชาชนรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณ ก็ขอให้หยุด ดังนั้นตนไม่อยากให้ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับนโยบายนี้ ไปหาเสียงด้วยเงินหมื่น เป็นการให้เงินกับประชาชน เพื่อหวังผลการเลือกตั้ง ดังนั้นนายทักษิณจะรู้นโยบายของรัฐบาลเยอะกว่ารัฐบาล หลายเรื่องที่พูดออกมาเหมือนทำนายอนาคตรัฐบาลแม่นมาก และคิดว่านายทักษิณกำลังทำให้รัฐบาลนี้ดูแย่มากขึ้นเรื่อย ดูเหมือนว่ารัฐบาลนี้จะไม่มีวิสัยทัศน์ เพราะวิสัยทัศน์ไปแสดงผ่านนายทักษิณ และกลายเป็นว่านโยบายต่างๆรวมถึงการหาเสียง ต้องหวังพึ่งนายทักษิณ ซึ่งดูแปลกดีว่าทำไมรัฐบาลนี้ดูแย่