“โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” นักจัดรายการมือใหม่ ฝากเนื้อฝากตัว หวังใจถึงใจกับประชาชน ไล่เรียงภารกิจนโยบายหลายเรื่องแบบเบื้องหลัง Exclusive 30 บาทรักษาทุกที่-บ้านเพื่อคนไทย-แก้ฝุ่น-พ.ร.ก.ไซเบอร์ ยันเงินหมื่นเฟส 3 มาแน่ รอคลังเคาะ นายกฯ รับเสียใจถูกบูลลี่เรื่องแต่งตัว แต่จะแต่งแบบนี้ไปทำงานเพราะตัวเรา
วันที่ 2 ก.พ.2568 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จัดรายการ “โอกาสไทยกับนายกแพทองธาร” ครั้งแรก โดยจะมีเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ต้นเดือน เริ่มเล่าที่มาที่ไปเกี่ยวกับการทำรายการ เพื่อให้ประชาชนได้รับฟังจากตัวเอง เป็นรายการพิเศษสำหรับประชาชน ในรูปแบบที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน ไม่เคยให้สัมภาษณ์แบบนี้ เป็นแบบ Exclusive นำเบื้องหลังมาเล่าให้ฟังว่าได้พบเจออะไรมาบ้าง ได้พูดอธิบายที่มาที่ไปของนโยบายและขั้นตอน แต่ละนโยบายว่าไปถึงไหนแล้ว
นายกรัฐมนตรี เล่าถึงเรื่องแรกเกี่ยวกับนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ครอบคลุมทั่วประเทศไทย 77 จังหวัด ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งรู้สึกดีใจมากที่ประชาชนไม่ต้องต่อคิวรอตั้งแต่ 05.00 น. เพื่อเข้ารักษา เพียง 15 นาที เสียเวลา 1 วันเต็ม ซึ่งผลตอบรับกลับมาดีมาก หากมีระบบตรงไหนไม่ตอบสนองสามารถแจ้งมายังรัฐบาลได้
นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงงานวันเด็กที่ผ่านมา ถึงเป็นปีแรก ที่ได้เจอเด็กๆ ทั่วประเทศ และได้ดำเนินนโยบาย odos ให้โอกาส ได้เรียนในสมัยรัฐบาลไทยรักไทยเคยทำนโยบาย 1 อำเภอ 1 ทุน จึงพิจารณางบประมาณเพื่อนำไปสู่การขยายและ Kick Off นโยบาย 1 อำเภอ 1 ทุน การศึกษาภาคฤดูร้อน หรือ odos ซึ่งถือเป็นโอกาส ให้เด็กได้นำความรู้ไปทำอะไรได้อีกมาก ให้เด็กที่ไม่ได้เรียนเก่งระดับท็อป เหมือนตนเองได้ไปเรียน Summer Camp และเป็นการสร้างโอกาส แม้ไม่ได้เห็นผลใน 1 ปีแต่เห็นผลแน่นอนในอนาคต
นายกรัฐมนตรี ยังเล่าถึงการเปิดโครงการบ้านเพื่อคนไทยเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก โดยอยากให้คนที่มีศักยภาพในการทำงานมีกำลังใจ มีที่อยู่ และมีความภูมิใจ ที่มีบ้านของตัวเอง จากการทำงานมีเงินเดือน ออกไปทำงานอย่างสดชื่น รัฐบาลมีคนมีศักยภาพมากขึ้นสุขภาพจิตดีขึ้น แข็งแรงขึ้นทั้งกายและใจ โครงการนี้ตอบโจทย์ปัจจัย 4 และเป็นแรงบันดาลใจ ผลักดันให้คนสู้งานต่อ อยากทำงานเก็บเงินซื้อในสิ่งที่ตัวเองฝันไว้
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการบังคับใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนดีใจมาก ทุกฝ่ายของการเมือง ฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน สว. เห็นตรงกัน ว่าเป็นการสร้างโอกาสสร้างความเท่าเทียม ไม่แบ่งแยก รัฐบาลสามารถใช้กฎหมายดูแลทุกคนได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ทุกแรงที่ต่อสู้ ผลักดันมา 20 ปี ถ้าไม่ใช้ทุกแรงก็ไม่สำเร็จ จึงเป็นความภูมิใจของทุกคน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเข้าร่วมประชุม World Economic forum Annual Meeting 2025 ที่เมืองดาวอส สมาพันธรัฐสวิส ระหว่างวันที่ 20-24 มกราคม 2568 ว่า ทำให้รู้ว่าการมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สามารถดึงความสนใจของคนได้จริง มีโอกาสสามารถผลักดันตัดสินใจเรื่องใดๆ ได้มีคนมาประชุมและขอคุยด้วย และมีผลที่ดี หาเงินเข้าประเทศได้อย่างมากมาย เช่น การลงนามสัญญาการค้าเสรี ดังนั้นปีหน้าก็จะไปอีกแน่นอนจะเอารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องไปด้วย โดยจะมีการเตรียมการล่วงหน้าในแต่ละกระทรวงที่มีนโยบายเกี่ยวข้อง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการจัดที่ Thailand Reception ในการประชุมดังกล่าว ซึ่งจองข้ามปีตั้งแต่สมัยที่นายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อจัดแล้วทั่วโลกชม เพราะหลายคนชื่นชอบอาหารไทย ได้รับผลตอบรับที่ดี นอกจากนี้มีโอกาสได้ไปเดินซูเปอร์มาเก็ต พบสินค้าไทยไปขาย
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่าได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำชับทุกกระทรวง ให้ดำเนินการตามกฎทุกอย่างอย่างเคร่งครัดเพราะมีการพยากรณ์สถานการณ์ล่วงหน้า จึงจะต้องทำมาตรการให้เข้มข้นเพื่อบรรเทาสถานการณ์มากที่สุด แต่เมื่อถึงสถานการณ์จริง ทุกคนไม่มีความสุขตัวเองก็ไม่แฮปปี้ เพราะมีลูกเล็ก 2 คนหลานๆ เต็มบ้านไปโรงเรียนไม่ได้ แต่ละกระทรวง ก็ทำงานอย่างเต็มที่ทุกวิถีทาง นโยบายใช้รถไฟฟ้าฟรีทำให้รถไม่ติด ลดจำนวนรถยนต์ 5 แสนคันต่อวัน ทำให้ฝุ่นลดน้อยลงด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประสานงานติดต่องานกับต่างประเทศ ว่าต้องมีลำดับขั้นขณะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกำลังดำเนินการพูดคุยโดยใช้ Connection ส่วนตัวกับรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ส่วนตัวก็คุยกับผู้นำประเทศอื่นเลย แล้วแต่หัวข้อบางครั้งเรื่องวิกฤติก็สามารถช่วยกันได้
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึง การโอนเงินหมื่นเฟส 2 ให้ผู้สูงอายุ 3 ล้านคน เมื่อ 27 มกราคม 2568 โดยยืนยันว่าโครงการเฟส 3 มาแน่นอนต้องรอให้กระทรวงการคลังยืนยันช่วงเวลาอีกครั้ง
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรีผ่านร่างพ.ร.ก. ปราบอาชญากรรมเทคโนโลยีว่า ว่าเป็นเรื่องที่จริงจังมาก ที่ประเทศอาเซียนให้ความสำคัญ สามารถมีสิทธิ์จับคนที่มาตั้งเสาอากาศดักในเขตแดนเพื่อดึงสัญญาณมือถือของคนไทย เอาเบอร์เหล่านั้น ไปทำบัญชีม้า โทรกลับมาหลอกคนไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่รอไม่ได้บางคนร้องไห้ถึงขั้นจบชีวิต เพราะเก็บเงินมาทั้งชีวิตแล้วเหลือ 0 จึงเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องออก เป็นพ.ร.ก. รีบบังคับใช้ เพื่อทำให้ธนาคารและเจ้าของกิจการมือถือมีส่วนรับผิดชอบ และตัดวงจรนี้ให้เด็ดขาดจริงๆ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกำลังใจในทุกๆ วันนี้ว่า หากโดนต่อว่า เสียใจและรู้สึกอย่างแน่นอน แต่จมไม่ได้ เพราะงาน รออยู่เยอะมาก
“โดนว่านาทีนี้ นาทีหน้าต้องไปประชุมแล้วจึงพยายามมองว่า หัวข้อไหนที่ถูกต่อว่าเช่นประชาชนไม่พอใจ เรื่องการจัดการบางเรื่อง ก็กลับมาเรียกประชุม จัดการแต่ละกระทรวง แต่หากเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเช่นถูกบูลลี่ มาตลอด เรื่องการแต่งตัว เสื้อผ้าหน้าผมก็ไม่ได้คิดอะไร หากนโยบายต่างๆทำสำเร็จความภูมิใจในความสำเร็จ ของดิฉันคือประชาชน ที่มีความสุขมากกับนโยบายที่ได้ไปชีวิตที่ดีขึ้น จากสิ่งที่นโยบายสำเร็จ และขอบคุณรัฐบาลขอบคุณนายกฯได้เงินหมื่นต่อยอดขายของได้เยอะขึ้น หมดเกลี้ยง มีแต่คนมาจับจ่ายใช้สอย คนซื้อดีใจคนขายก็ดีใจ หรือขอบคุณมาก 30 บาทเปลี่ยนชีวิต มันเติมเต็ม และรู้สึกว่า ฉันก็จะแต่งตัวแบบนี้แหละไปทำงานแบบนี้ให้ประชาชนมีความสุข เพราะเป็นฉันก็อย่างนั้นล่ะค่ะ” นางสาวแพทองธารกล่าว
ช่วงท้ายรายการ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หวังว่าประชาชนจะได้ยินได้ฟังอะไรที่เป็นความรู้หรือ Entertain สนุกสนาน จะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยเดือนหน้าเจอกันใหม่ จะได้เข้าใจใจถึงใจ ส่งใจถึงใจกันมากขึ้นว่าใจนายกรัฐมนตรีจริงๆ คิดอะไรให้กับประชาชนบ้าง อยากเล่าอะไรให้ประชาชนบ้าง และขอฝากติดตามนักจัดรายการมือใหม่ด้วย