“เปรมศักดิ์” ยื่นญัตติด่วนขอรัฐสภาส่งศาลรธน.วินิจฉัย อำนาจรัฐสภาถกร่าง รธน.ม.256 ตั้ง ส.ส.ร. จัดทำฉบับใหม่ อ้างฟังเสียง สว.กังวล อาจขัดคำวินิจฉัยศาลรธน.4/2564 ยันไม่ได้สกัดการแก้ เพราะเห็นด้วยแต่ต้องการทำให้ถูกต้อง ชี้ไม่จำเป็นต้องทำ รธน. เสร็จทันก่อนการเลือกตั้ง เพราะประชาชนไม่ได้ประโยชน์
เมื่อวันที่ 13 ก.พ.68 ที่รัฐสภา นายเปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยภายหลังเข้ายื่นหนังสือต่อประธานรัฐสภา เมื่อเวลา 8:30 น. เรื่องขอเสนอญัตติด่วน ให้รัฐสภามีมติขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง(2) ก่อนที่จะเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย โดยอ้างอิงว่าจากการฟังเสียงของสมาชิกรัฐสภายังมีความเห็นที่แตกต่างกันและยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้เพราะการเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภามีมาแล้วหลายครั้ง และมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญรัฐน 4/2564 ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อทำฉบับใหม่ต้องทำประชามติถามประชาชนเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยก่อน โดยเมื่อเปิดประชุมจะอภิปรายถึงความสำคัญของญัตตินี้
“เราเห็นว่าจะข้ามขั้นตอนและยังไม่มีการทำประชามติ จึงขอรัฐสภามีมติขอให้ไปทำประชามติก่อน ส่วนประเด็นว่าประชามติที่จะทำทำประชามติกี่ครั้ง ก็เป็นความสับสนที่จำเป็นต้องยื่นญัตติในวันนี้ เพราะบางเสียงบอกว่าต้องทำประชามติ 2 ครั้ง ส่วนหนึ่งบอกว่า3 ครั้ง ยังไม่มีข้อสรุปที่เป็นทางการ ดังนั้นองค์กรที่ชี้ขาดว่าจะทำประชามติ2-3 ครั้งคือศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อมีคำวินิจฉัยแล้วจะผูกพันทุกองค์กร ไม่ว่ารัฐบาลรัฐสภาหรือองค์กรใด ดังนั้นวันนี้ขอใช้สิทธิ์สมาชิกรัฐสภาโดยมีผู้ลงชื่อครบถ้วน” นายเปรมศักดิกล่าว
นายเปรมศักดิ์ กล่าวถึงกรณีการยื่นญัตติวันนี้เป็นการขวางคำวินิจฉัยเมื่อปี 2564 ที่ชี้ไปแล้วว่าเป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติว่า เป็นการวินิจฉัยว่าจะต้องให้ประชาชนเจ้าของอำนาจประชาธิปไตยเห็นชอบเสียก่อน แต่ขั้นตอนเห็นชอบคือการทำประชามติยังไม่มีข้อสรุปทำ 2 ครั้งหรือ 3 ครั้ง วันนี้จึงยื่นให้เกิดความชัดเจนว่าทำประชามติกี่ครั้ง เพื่อทำให้ความคลุมเครือมีความชัดเจนขึ้น โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ยืนยันว่าการยื่นครั้งนี้ไม่ซ้ำซ้อนกับการยื่นครั้งก่อน เพราะครั้งก่อนเป็นการยื่นโดยไม่มีการบรรจุวาระ แต่ครั้งนี้มีวาระบรรจุในการประชุมแล้ว
“ยืนยันว่าไม่ได้เป็นเกมสกัดการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยกลุ่ม สว. สีขาวเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ต้องการทำให้ถูกตามขั้นตอน เข้าตามตรอกออกตามประตูเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง ซึ่งการที่บุ่มบ่ามกระทำการใดไม่ได้คำนึงถึงขั้นตอนหากมีความเสียหายเกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ เราเป็นวุฒิสภาต้องมีวุฒิภาวะในการแก้ไขปัญหา จึงไม่อยากให้ใครมองว่าไปขัดขวาง แต่ส่งเสริมการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะต้องทำให้ถูกตามขั้นตอน”นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่าการยื่นครั้งนี้จะทำให้การทำแล้วนูนเสร็จสิ้นทันภายในสมัยประชุมหรือไม่ นายเปรมศักดิ์ ระบุว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่จำเป็นต้องบอกว่าให้ทันก่อนการเลือกตั้ง โดยเห็นว่าความคิดดังกล่าวเป็นความคิดแบบเผด็จการ ซึ่งไม่สามารถทึกทักเอาตามใจได้เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด จะทำแบบเงื่อนไขของแก้กฎหมายเล็กๆไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องให้ทันการเลือกตั้งต่อไป เพราะประชาชนไม่ได้มีประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง มีแต่พรรคการเมืองที่พยายามกำหนดให้ทันการเลือกตั้งปี 2570
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าการยื่นครั้งนี้มีพรรคการเมืองหนุนเบื้องหลังกลุ่ม สว. สีขาว และแบ่งแยกจากกลุ่ม สว. สีน้ำเงิน นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ากลุ่ม สว. สีน้ำเงินเป็นอย่างไร แต่มีความคิดอิสระและไม่มีใครเข้ามาควบคุมการทำงานที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนได้ ส่วน สว. สีน้ำเงินจะทำอย่างไรก็แล้วแต่ขอไม่ก้าวล่วง
“มีแต่ สว. สีน้ำเงินก็ล่วงพวกผม มีการบีบให้สมาชิกวุฒิสภาถอนตัว จากญัตติด้วย แต่ก็มีเพียงจำนวนหนึ่งที่ถอนชื่อไปเราก็ไม่ว่าเพราะอาจจะเข้าใจผิด อาจจะเข้าใจผิดถึงขั้นว่าลงชื่อประชุมมีความผิด คิดว่าเป็นการให้ข้อมูลข่าวสาร ที่ไม่ถูกต้อง เพราะการลงชื่อเข้าประชุมเป็นสิทธิของสมาชิกรัฐสภา และการลงมติในรัฐสภาเป็นสิทธิของทุกคน ไม่ใช่ลงมติแล้วจะถูกถอดถอนและมีความเสี่ยงอย่างที่เป็นข่าว อยากจะเตือนคนให้ข้อมูลในด้านที่ผิด และให้กลับไปอ่านหนังสือเสียใหม่ หากไม่เข้าประชุมถือเป็นการไม่รับผิดชอบทางการเมืองต่อประชาชน เลิกทำเสียเถอะลูกไม้ทางการเมืองแบบนี้เด็กอนุบาลตามทัน ใครคิดไม่ตรงกับตัวเองก็หาว่ามีเบื้องหลัง คนที่กล่าวว่าการประชุมรัฐธรรมนูญเป็นการกระทำที่อาจจะสุ่มเสี่ยง คือการกระทำที่น่าละอายมากกว่า” นายแพทย์เปรมศักดิ์กล่าว